รองปลัด สธ. ชี้แจง ‘วัคซีนไฟเซอร์’ หลังได้รับจากสหรัฐ เก็บได้นานแค่ 30 วัน ยันบุคลากรทางการแพทย์ได้รับทุกคน

469
0
Share:

นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 กรณีวัคซีนไฟเซอร์ กล่าวถึงการจัดเก็บวัคซีนไฟเซอร์บริจาค 1.5 ล้านโดส ว่าทางบริษัทไฟเซอร์รายงานเรื่องการเก็บวัคซีนว่าการขนส่งวัคซีนในตู้คอนเทรนเนอร์มานั้นจะอยู่ในอุณหภูมิ -60 ถึง -90 องศาเซลเซียส จะเก็บได้ค่อนข้างนาน เมื่อมาถึงไทยผ่านการตรวจสอบต่างๆ แล้วจะขนส่งกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ โดยควบคุมอุณหภูมิที่ -25 ถึง  -15 องศาเซลเซียส และเมื่อถึงพื้นที่แล้วสามารถเก็บในตู้เย็นปกติที่ความเย็น 2-8 องศาเซลเซียส สามารถเก็บวัคซีนไฟเซอร์ได้ 30 วัน และเมื่อดูดออกมาใส่เข็มฉีดยาแล้วจะเก็บได้ 6 ชั่วโมง

.

ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้วจะต้องฉีดให้ทันภายใน 30 วัน  โดยจะเก็บวัคซีนไว้ที่คลังทยอยเบิกแล้วกระจายไปในพื้นที่ เนื่องจากไม่ได้มีการปรับเรื่องระบบการทำความเย็นใหม่ ซึ่งสามารถใช้ตู้เย็นปกติเก็บได้ รวมถึงกรณีวัคซีนไฟเซอร์ที่สั่งซื้ออีก 20 ล้านโดสก็ใช้ระบบเดียวกัน ไม่ต้องปรับปรุงระบบใหม่ โดยที่คุณภาพของวัคซีน คุณภาพยังคงที่

.

ยืนยันว่าบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าจะได้รับทุกคน ได้กันวัคซีนให้ในกลุ่มนี้อย่างเพียงพอ ย้ำว่าคนที่จำเป็นต้องได้วัคซีนตามหลักวิชาการก็ต้องได้ก่อน แล้วเหลือจากกลุ่มนี้เราจะพิจารณากระจายให้ 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ระบาด ในกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีภาวะอ้วน และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ในรหัส 602 และ 608 ซึ่งส่วนนี้จังหวัดก็ต้องสำรวจแล้วส่งรายชื่อมาให้กรมควบคุมอีกครั้ง

.

ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์คือ การฉีดเป็นบูสเตอร์โดสให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัยให้คนทำงานที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อในทุกวัน แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ซึ่งคาดว่ามีจำนวนมาก โดยขณะนี้มีบุคลากรทางการแพทย์ส่วนหนึ่งสมัครใจรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นบูสเตอร์โดสไปแล้ว เลยได้ประสานให้ 77 จังหวัดเร่งสำรวจรายชื่อบุคลากรกลุ่มที่จำเป็นที่สุด ที่สมัครใจรับวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งใน รพ.รัฐและเอกชน สรุปข้อมูลนำส่งมาให้กรมควบคุมโรค โดยจะมีการประชุมร่วมกันในเรื่องของจำนวนแต่ละจังหวัดในวันที่ 29 ก.ค.นี้ เพื่อเตรียมการกระจายวัคซีนไปตามจำนวน