รัฐบาลจีนออก 16 มาตรการแก้วิกฤตหนี้เสียอสังหาฯครั้งใหญ่ ตลาดคาดแค่บรรเทาวิกฤต

รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานกำกับดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ดำเนินการใช้มาตรการเข้าแก้ไขวิกฤตหนี้เสียอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ครอบคลุมทั้งสถาบันการเงิน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และลูกค้าชาวจีนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางอุตสาหกรรมและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำอย่างรุนแรง และวิกฤตสภาพคล่องผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์

ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ PBOC และคณะกรรมการกำกับการปรประกันและการธนาคาร หรือ BIRC เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการออกประกาศไปยังสถาบันการเงินทุกประเภทในจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยการกำหนดแผนที่จะสร้างความมั่นใจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง โดยมีรายละเอียดทั้ง 16 มาตรการที่ต้องการแก้วิกฤตสภาพคล่องการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนจีน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดการวางเงินดาวน์ของลูกค้าในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่

สำหรับมาตรการช่วยผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น รัฐบาลได้ดำเนินการขยายเวลาภาระหนี้คงค้างที่กู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหนี้ที่กำลังใกล้ครบกำหนดชำระหนี้คืนสถาบันการเงินภายใน 6 เดือนข้างหน้าให้ออกไปอีกเป็นเวลา 1 ปี นอกจากนี้ ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาระต้องไถ่ถอนหุ้นกู้ของบริษัทต่อเจ้าหนี้หรือนักลงทุน สามารถขยายระยะเวลาไถ่ถอนออกไปจากวันครบกำหนดไถ่อถอนเดิม หรือสามารถแลกเปลี่ยนได้กับเจ้าหนี้หรือนักลงทุนซึ่งขึ้นอยู่กับการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นต้น

เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านไป รัฐบาลกลางจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยมาตรการแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ส่งผลให้เกิดหนี้เสียอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากมายว่า ได้จัดตั้งกลไกเครื่องมือการเงินเรียกว่า กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF เพื่อทำหน้าที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลเข้าไปซื้อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากผู้ประกอบการเอกชนที่ประสบวิกฤติการเงิน และพัฒนาโครงการได้เพียงครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของโครงการทั้งหมด

กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะทำการซื้อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายกับหนี้เสียของบริษัทดังกล่าวที่มีมากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และของโลก

มูดี้ส์ อินเวอสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า วิกฤตหนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องอาศัยการแก้ไขวิกฤตด้วยกลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ออกขายภายในประเทศ หรือตลาดออนชอร์ เนื่องจาก กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF ต้องออกพันธบัตรเป็นมูลค่าสูงถึง 11.6 ล้านล้านหยวน หรือ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของหุ้นกู้เอกชนในท้องถิ่นทั้งหมด เพื่อนำไปซื้อแก้ไขวิกฤตหนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นใหญ่

ทั้งนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะตลาดซื้อขายบ้านหลังใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่มีมูลค่าสูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 86.5 ล้านล้านบาท ยังคงตกอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอและเปราะบาง ที่สำคัญ สถานการณ์เบี้ยวหนี้ หรือชักดาบทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลราคาขายอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาตกต่ำมากที่สุดในรอบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2014 ด้านธนาคารซิตี้กรุ๊ป ประเมินว่า สัดส่วนหนี้เสียของอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นมากถึง 30%