รัฐบาลสั่งรีบแก้ปัญหาการบินไทย เดินหน้าลดพนักงาน ต้องลดค่าใช้จ่าย

537
0
Share:
รัฐบาล สั่งรีบแก้ปัญหา การบินไทย เดินหน้าลดพนักงาน ต้องลดค่าใช้จ่าย

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หลังได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยการปรับลดฝูงบินเครื่องบินเก่าที่ไม่มีประสิทธิภาพ จาก 116 ลำ เหลือจำนวน 58 ลำ การปรับลดค่าใช้จ่ายบุคลากร 23,100 ล้านบาท/ปี เมื่อเทียบกับปี 2562 การปรับกระบวนการทำงาน ด้วยการปรับลดค่าเช่า/เช่าซื้ออากาศยาน จากเครื่องบิน 8 ประเภท เหลือ 4 ประเภท และการปรับปรุงข้อบังคับการทำงาน

การปรับโครงสร้างและลดขนาดองค์กร โดยลดขนาดองค์กรตั้งแต่ระดับผู้บริหารจนถึงระดับพนักงานเหลือ 15,200 คน จากเดิมในปี 2562 มีพนักงาน 29,500 คน ทำให้ค่าใช้จ่ายในเดือนสิงหาคม 2564 มีเหลือเพียง 750 ล้านบาท จากเดิมมีค่าใช้จ่ายต่อเดือน 2,675 ล้านบาท ปัจจุบันได้ปรับลดจำนวนพนักงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย เมื่อปฏิรูปธุรกิจมุ่งลดค่าใช้จ่ายปี 2565 จำนวน 53,000 ล้านบาท/ปี สำหรับการหารายได้จากช่องทางอื่น เปลี่ยนไปให้บริการขนส่ง จำหน่ายสินค้าและอาหารอื่น นอกเหนือจากอาหารบนเครื่องบิน

การบินไทย ยังใช้เส้นทางบินสู่เมืองสำคัญในแต่ละภูมิภาค โดยร่วมมือกับสายการบินพันธมิตรเชื่อมต่อเที่ยวบินและเมืองรองในภูมิภาค เช่น ทวีปอเมริกา เพื่อหารายได้เพิ่มท่ามกลางโควิด-19 จึงต้องปรับแผนการบินให้สอดคล้องกับสถานการณ์

หลังจากการบินไทย เดินหน้าขายทรัพย์สิน เช่น การขายหุ้นบริษัทย่อย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอาคารศูนย์ฝึกอบรมหลักสี่ และที่ดินและอาคารในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดภูเก็ต และสำนักงานหลานหลวง ขณะนี้อยู่ระหว่างการขาย อสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ และเครื่องบินที่ไม่ต้องการใช้งาน รวมทั้งเดินหน้าแผนจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อเติมสภาพคล่องในปีงบประมาณ 2564-2565 ในด้านการปรับโครงสร้างหนี้ตามกรอบแผนฟื้นฟูกิจการ ได้ขยายเวลาการชำระหนี้ การพักชำระหนี้และดอกเบี้ย การปรับลดหนี้ในส่วนภาระดอกเบี้ย การเจรจาปรับลดภาระผูกพันตามสัญญา และการเพิ่มทางเลือกในการชำระหนี้ เช่น การใช้บัตรกำนัลแทนเงินสด

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ 28 กุมภาพันธ์ 2565 บมจ.การบินไทย ประกาศผลประกอบการปี 2564 พบว่าบริษัทและบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานในปี 2564 กำไรสุทธิ จำนวน 55,113 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนขาดทุนสุทธิ 141, 180 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 55,118 ล้านบาท คิดเป็น กำไรต่อหุ้น 25.25 บาท ในขณะที่ปีก่อนขาคทุนต่อหุ้น 64.67 บาท