ราคาทองคำโลกปิดขึ้นกว่า 7 ดอลลาร์ เข้าใกล้ 2,000 ดอลลาร์รับดอลลาร์-บอนด์ยีลด์พลิกร่วง

 หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,997.39 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +6.23 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.4% ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารผ่านมา ทองคำโดยมีราคาสูงสุดระหว่างวันที่ 2,007.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,998.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +7.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3%

ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม พบว่าราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 8% โดยนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่กลุ่มฮามาสติดอาวุธเปิดฉากโจมตีอิสราเอลจนนำไปสู่สงครามรุนแรงในรอบ 75 ปีของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ราคาทองคำโลกพุ่งทะยานขึ้นถึง 190.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากราคาทองคำตลาดโลกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2023 อยู่ที่ระดับ 1,809.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

เมื่อกลางเดือนเมษายนปี 2023 ผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกร่วงลง 0.1% สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี พลิกร่วงลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากเมื่อวันที่อังคารผ่านมาลดลงในรอบ เกือบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางบันทึกการประชุมของคณะกรมนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนผ่านมา เปิดเผยรายละเอียดพบว่า กรรมการเฟดมองตรงกันว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่จะอาจมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอีกนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง หากข้อมูลแสดงให้เห็นว่ามีความคืบหน้าไม่เพียงพอในการลดตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ

ขณะที่ ตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมสิ้นเดือนธันวาคมนี้อยู่ที่ 100% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 91% ขณะเดียวกัน โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในการประชุมต้นเดือนมิถุนายนปี 2024 นี้อยู่ที่ 42%