ราคาทองคำไทยเปิดวันหยุดสูงถึง 150 บาท ขาดอีกกว่า 150 บาทจะดันทองคำไทยทำนิวไฮใหม่
สมาคมค้าทองคำประกาศราคาขายทองคำ วันที่ 2 ธันวาคม 2566 เมื่อเวลา 9.01 น. ลดลง +150 บาท ทำให้ทองคำแท่งรับซื้อที่บาทละ 34,000 บาท ขายออกบาทละ 34,100 บาท ราคาทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 33,382.32 บาท และขายออกบาทละ 34,600 บาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศไทยมีราคาปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยทองคำแท่ง รับซื้อ 34,150 บาทและขายออก 34,250 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อ 33,533.92 บาท ขายออก 34,750 บาท ในวันดังกล่าวมีการประกาศปรับรารา 5 ครั้ง รวมขึ้นสุทธิ 5 ครั้ง ส่งผลราคาขึ้นสุทธิ +650 บาท ด้วยราคทเปิดตลาดพุ่งสูงถึง +450 บาท ท่ามกลางราคาทองคำส่งมอบทันที หรือราคา Gold Spot ตลาดสิงคโปร์อยู่ที่ ตลาดสปอตที่ 1,984 ดอลลาร์/ออนซ์ และเงินบาทในวันนั้นอยู่ที่ 36.51 บาท/ดอลลาร์
ด้านตลาดทองคำสิงคโปร์ รายงานว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot เปิดตลาดวันนี้ที่ 2,070.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่ ค่าเงินบาทเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐ เปิดตลาดในต่างประเทศอยู่ที่ 34.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สถานการณ์ตลาดทองคำโลกในคืนผ่านมา วันที่ 1 ธันวาคม 2023 ตามเวลาในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เต็มไปด้วยความคึกคัก ด้วยแรงซื้อทองคำหนาแน่นตลอดทั้งคืนผ่านมา ทำให้ราคาปิดทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของโลก โดยราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,069.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +33.31 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.6% โดยในช่วงระหว่างวันซื้อขายมีราคาพึ่งขึ้นสูงสุดที่ 2,075.09 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
สอดคล้องกับ ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,089.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +52.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.6% ส่งผลทำสถิติราคาทองคำล่วงหน้าปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ เนื่องจากทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์เดิมที่ระดับ 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมปี 2022 ซึ่งเป็นผลจากรัสเซียเปิดฉากทำสงครามกับยูเครน
สาเหตุจาก นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา กล่าวปาฐกถาพิเศษในคืนผ่านมา โดยมีใจความสำคัญว่าความเสี่ยงของการใช้เครื่องมือดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐไม่ว่าจะปรับขึ้นสูงเกินไป และปรับลงต่ำเกินไป กำลังจะนำไปสู่ความสมดุลย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เฟดไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในขณะนี้ ทำให้นักลงทุนประเมินในทิศทางบวก และเกิดความมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะจบสิ้นรอบการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอาจเป็นไปได้สูงที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2024
