รื้อเกณฑ์ลดหย่อนภาษีช่วยชนชั้นกลาง

นายเอกนิติ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรกำลังทบทวนการลดหย่อนภาษีทั้งระบบ โดยจะให้คนที่มีรายได้ปานกลางหรือรายได้น้อยได้ประโยชน์มากที่สุด จากปัจจุบันพบว่าคนที่มีรายได้มากได้ประโยชน์ เมื่อรวมการหักลดหย่อนทั้งหมดจะมีวงเงินสูงถึง 2 ล้านบาท ซึ่งคนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าลดหย่อนคือ คนรวย 20% แรกของประเทศ
.
ดังนั้นการปรับปรุงของกรมสรรพากร จะพิจารณาว่าค่าลดหย่อนใดที่ยังจำเป็นและค่าลดหย่อนใดที่ไม่มีความจำเป็นแล้วก็อาจจะตัดออกไป หรือค่าลดหย่อนบางรายการอาจปรับวงเงินลดหย่อนให้น้อยลง
.
ซึ่งจะทำให้คนรวยได้รับค่าลดหย่อนน้อยลง และจะไปเพิ่มค่าลดหย่อนให้คนชั้นกลาง เพื่อลดภาระภาษีให้กับคนชั้นกลางมากขึ้น
.
โดยปัจจุบันค่าลดหย่อนทางภาษีบางรายการ เช่น เงินลงทุนในกองทุน LTF ที่กำหนดให้สามารถนำมาหักลดหย่อนทางภาษีได้ 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 5 แสนบาทนั้น คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากค่าลดหย่อนรายการนี้คือ คนรวย เพราะมีเงินมากพอที่จะลงทุนในแอลทีเอฟเต็มวงเงินที่ 5 แสนบาท
.
แต่กรมฯอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบกองทุนลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีแทน LTF ที่กำลังจะสิทธิ์สุดลงในปลายปีนี้ ซึ่งข้อเสนอของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยคือ ลดวงเงินลงทุนที่ได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเหลือไม่เกิน 30% แต่ต้องไม่เกิน 2.5 แสนบาท/ปี และต้องลงทุนเป็นเวลา 7 ปีปฏิทิน
.
โดยปัจจุบันมีผู้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 11 ล้านคน มีผู้เสียภาษีจริง 4 ล้านคน ที่เหลือ 7 ล้านคน เป็นคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2.6 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งเมื่อหักลดหย่อนปกติที่ผู้เสียภาษีทุกคนได้สิทธิ์อยู่แล้ว ก็ไม่มีภาระต้องเสียภาษีแล้ว
.