รู้ว่าพึ่งจีน! กงศุลไทยย้ำชัดบริษัททัวร์ต้องทำตามระเบียบ-ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

211
0
Share:
รู้ว่าพึ่งจีน! กรมการกงสุล ไทย ย้ำชัด บริษัททัวร์ ต้องทำตามระเบียบ-ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าตามที่ปรากฏการรายงานข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดมาตรการการตรวจลงตราใหม่ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 สำหรับบริษัทนำเที่ยวของจีน ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวจีนและเรียกร้องให้มีการบททวนมาตรการดังกล่าวนั้น กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนดังนี้

1. กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้กำหนดมาตรการการตรวจลงตราเพิ่มเติมใดๆ ดังที่ปรากฏในสื่อ

2. ในกรณีของประเทศจีน กระทรวงการต่างประเทศเพียงกำชับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งให้ปฏิบัติตามระเบียบและแนวปฏิบัติการตรวจลงตราที่มีอยู่แล้ว

โดยในกรณีของการตรวจลงตรานักท่องเที่ยวจีนผ่านบริษัทนำเที่ยวก็ขอให้บริษัทนำเที่ยวกรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารผ่านระบบการตรวจลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ให้ถูกต้องและครบถ้วน (มิใช่มาตรการใหม่) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับการยื่นขอรับการตรวจลงตราโดยนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะขอยื่นด้วยตนเอง เพื่อให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่สามารถพิจารณาคำร้องและคัดกรองการเดินทางในฐานะหน่วยงานหน้าด่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเน้นย้ำว่า การดำเนินการดังกล่าวมิใช่การกำหนดมาตรการใหม่แต่อย่างใด โดยระบบ e-Visa แบบไร้แผ่นปะได้เริ่มใช้มา 2 ปีแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ในส่วนของเอกสารและหลักฐานประกอบการขอรับการตรวจลงตราก็เป็นเอกสารพื้นฐานซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับการขอรับการตรวจลงตราท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง หลักฐานการสำรองที่พัก บัตรโดยสารเครื่องบิน และหลักฐานการเงิน

4. กระทรวงการต่างประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแนวโน้มการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำหนดมาตรการและกลไกต่าง ๆ ได้แก่

(1) การเปิดให้บริการ e-Visa ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวในจีนสามารถยื่นขอรับการตรวจลงตราผ่านระบบออนไลน์ได้ 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่

(2) การกำหนดทางเลือกในการยื่นคำร้องด้วยตนเอง หรือผ่านบริษัทนำเที่ยว ทั้งนี้ บริษัทนำเที่ยวดังกล่าวจะต้องขึ้นทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งรวมถึงการผ่านกระบวนการคัดกรองของทางการจีนแล้ว โดยมาตรการดังกล่าวให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการท่องเที่ยว

5. เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในจีนทุกแห่งเร่งสร้างความเข้าใจกับภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทนำเที่ยวให้ดำเนินการตามระเบียบและแนวปฏิบัติที่มีอยู่แล้วอย่างเคร่งครัด ซึ่งมิได้เป็นการกำหนดมาตรการใหม่แต่อย่างใด

การออกมาชี้แจงดังกล่าวของกรมการกงศุล กระทรวงการต่างประเทศ ในครั้งนี้ มีสาเหตุจากเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ ATTA กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งฝั่งไทยและจีนล้วนงงกับการปรับเงื่อนไขของผู้ประกอบการฝั่งไทยและจีน งงกับการปรับเงื่อนไขของสถานทูตและกงสุลไทยในจีนมาก ต้องการให้ชี้แจงอย่างเร่งด่วน โดยผู้ประกอบการทัวร์ฝั่งจีนได้เรียกร้องให้สถานทูตและกงสุลไทยในจีนแผ่นดินใหญ่เร่งปรับลดเงื่อนไข ให้สามารถเอื้อต่อคนจีนในการขอวีซ่าเข้าไทยได้สะดวก อยากเห็นให้กลับไปเหมือนยุคก่อนเกิดโรคโควิด-19

หากไม่ปรับเปลี่ยนจะมีผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนขนาดใหญ่ รวมถึงกระทบเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าประเทศไทยปี 66 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าชาวจีนไว้ 5 ล้านคนในปีนี้

นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ ATTA (แอตต้า) เปิดเผยต่อไปว่า บริษัททัวร์คู่ค้าในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ส่งข้อมูลมายังแอตต้าเกี่ยวกับประเด็นสถานทูตและกงสุลไทยในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ทั้ง 8 แห่ง ได้ประกาศใช้ระเบียบใหม่ด้วยการปรับเงื่อนไขการขอวีซ่าของคนจีนเข้าประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 8 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

หลักสำคัญชองการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดยื่นขอวีซ่าครั้งนี้ คือ นักท่องเที่ยวชาวจีนทุกคนต้องยื่นวีซ่าเดี่ยวเท่านั้น ซึ่งมีเงื่อนไขและรายละเอียดในการขอเอกสารที่เข้มงวดมาก หากเปรียบเทียบแล้ว การขอวีซ่าเข้าไทยตามระเบียบใหม่นี้จะยากกว่าการขอวีซ่าของคนจีนไปยุโรปด้วยซ้ำ ประเด็นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จีนขนาดใหญ่ อาจเลือกเดินทางไปประเทศอื่น ที่มีความสะดวกเรื่องวีซ่ามากกว่าไทย