ร่วงลงลิฟท์! ราคาน้ำมันดิบ โลกถูกสุดใน 6 เดือน แต่ส่อขาลงเกือบ 2 เดือนติดกัน นานสุดในรอบ 5 ปี

222
0
Share:

ภาวะตลาดซื้อขายน้ำมันดิบโลกที่กำลังจะสิ้นสุดในสัปดาห์นี้ พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกกำลังจะทำสถิติราคารายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 ปี โดยเฉพาะ ราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือที่มีราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่า 75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในขณะนี้ ปรากฏว่ามีแนวโน้มสูงมากที่จะมีราคารายสัปดาห์ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ร่วงยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2018 หรือในรอบ 5 ปี หรือก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

สอดรับกับราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดเคลื่อนไหวต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล มาเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน พบว่ามีราคาดำดิ่งมากถึง -11% ใน 6 วันซื้อขายติดกันผ่านมาจนถึงเมื่อคืนนี้ ที่สำคัญ นับตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2023 หรือเพียงวันเดียวก่อนถึงวันประชุมออนไลน์ของกลุ่มโอเปกพลัสที่เลื่อนมาประชุมในวันที่ 30 พฤศจิกายนผ่านมานั้น ได้มีมติต่ออายุมาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบไปถึงไตรมาส 1 ปี 2024 ด้วยการตัดลดกำลังการผลิตลงอีกวันละ 900,000 บาร์เรลจากปัจจุบันนี้ รวมเป็นลดผลิตถึงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล

สาเหตุที่กดดันแรงขายน้ำมันดิบออกมาอย่างต่อเนื่อง มาจากภาวะการบริโภคน้ำมันดิบของประเทศจีนในปี 2024 ที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงวันละ 500,000 บาร์เรล ซึ่งลดต่ำกว่าอย่างน้อย 1 ใน 3 ที่เคยบริโภคเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2024 มีแนวโน้มสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ นักลงทุนขาดความมั่นใจ และมีความสงสัยในมาตรการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่มีมติขยายเวลาไปถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ในปี 2024 พร้อมกับลดปริมาณการผลิตลงอีกจากปัจจุบันถึง 900,000 บาร์เรล ส่งผลลดผลิตลงเป็นวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล หรือเทียบเท่ากว่า 5% ของปริมาณน้ำมันดิบที่หายไปจากกำลังการผลิตได้ทั่วโลกในปัจจุบัน

คืนผ่านมา ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 69.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.1% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ผ่านมา นอกจากนี้ ยังส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันรวม -8.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -11.39% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบร่วงติดต่อกันยาวนานในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2023 ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาปิดลดลง -1.9% ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ราคาน้ำมันดิบลดลง -6.2%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.5% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนผ่านมา นอกจากนึ้ ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันรวม -6.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -9.23% ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาปิดลดลง -2.1% ขณะที่ ในเดือนพฤศจิกายนผ่านไป ราคาน้ำมันดิบลดลง -5.2% 

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปโดยเฉพาะน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา พุ่งสูงถึง 5.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล หรือมากกว่า 5 เท่า สะท้อนการบริโภคน้ำมันที่ใช้ในยานยนต์ซบเซา ส่งผลถึงความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ชะลอตัว นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่า สัญญาซื้อขายน้ำมันเบนซินล่วงหน้าในสหรัฐจะร่วงตกต่ำในรอบ 2 ปี หรือตั้งแต่ปี 2021

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล

สำหรับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกนั้น ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบียยังคงลดกำลังการผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลเช่นเดิม แต่รัสเซียลดการผลิตลงจากปัจจุบันอีกวันละ 200,000 บาร์เรล รวมเป็นลดผลิตวันละ 500,000 บาร์เรล นอกจากนี้ มีอีก 6 ประเทศที่ลดกำลังการผลิต เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตลดผลิตวันละ 163,000 บาร์เรล อิรักลดผลิตน้ำมันดิบลงอีกวันละ 220,000 บาร์เรล

อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกทั้งในปี 2023 นี้ และในปี 2024 ด้วย กลุ่มโอเปกพลัสประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนจะขยายตัวขึ้น ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงตกต่ำเนื่องจากเกิดภาวะเทขายราคาน้ำมันดิบมากเกินราคาแท้จริง

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกในประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2023 รวม 7 วันผ่านมา ประกาศลดราคาขายกลุ่มเบนซินแก๊สโซฮอล์จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งแรกประกาศเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ลดลง 40 สตางค์/ลิตร และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ลดลง 50 สตางค์/ลิตร รวมลดลงลิตรละ 90 สตางค์/ลิตร หรือลดลง -2.49%