เลขา EEC คาดธุรกิจการบินน่าจะฟื้นตัวปลายปี 2564

726
0
Share:

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ กบอ. ว่า การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างประเทศปีนี้ จะชะลอลง เป็นผลจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กระทบค่อนข้างมาก ซึ่งมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวภายหลังจากมีวัคซีน
.
ส่วนกลุ่มการบินมองว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ปกติเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 อีกครั้งคือช่วงปลายปี 2564 แต่ตัวเลขคงต้องรอจากทาง BOI อีกครั้ง แต่ยังเชื่อว่าไทยยังคงเป็นเป้าหมายของนักลงทุน โดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี
.
สำหรับแผนความคืบหน้าการลงทุนของอีอีซีทั้งหมด 5 โครงการนั้น มี 2 โครงการที่ลงนามแล้ว ประกอบด้วย 1.รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน // 2.ท่าเรือแหลมฉบัง และสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน จะลงนามกับกลุ่ม BBS ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ส่วนท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อยู่ระหว่างการพิจารณา และด้านศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เชื่อว่าจะล่าช้าไปกว่าแผนที่วางไว้
.
แต่ยกเว้นศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน หากบริษัทการบินไทย ทำได้ก็เป็นเรื่องดี แต่หากการบินไทยไม่สามารถดำเนินการได้ ยังมีนักลงทุน หรือ สายการบินทั้งในและต่างชาติให้ความสนใจ
.
สำหรับการประชุมในวันนี้ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี ตามที่กลุ่มบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่อีอีซี จากประเทศญี่ปุ่น ได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐ ขอให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิค เข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ของไทยดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะคลายล็อกดาวน์ดังกล่าว
.
โดย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทางกับสถานเอกอัครราชทูตไทย รวมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่ออนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศได้ แต่ต้องดำเนินการตามมาตรการการกักกันของรัฐด้วย
.
หากมีมาตรการผ่อนปรนดังกล่าว จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเดินทางเข้ามาเจรจาการทำธุรกิจในไทยได้ง่ายขึ้น จากก่อนหน้านี้มีมาตรการปิดเมืองห้ามเดินทางเข้าออก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จีดีพีของประเทศติดลบถึง 5% หรือมีเงินลงทุนหายไปกว่า 800,000 ล้านบาท
.