ลงพื้นที่เอง! นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.พิษณุโลก 14 ต.ค.นี้

180
0
Share:
ลงพื้นที่เอง! นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ติดตาม สถานการณ์ น้ำท่วม จ.พิษณุโลก 14 ต.ค.นี้

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม และนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เตรียมเดินทางลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ในเสาร์ที่ 14 ต.ค.นี้ เพื่อตรวจติดตาม สถานการณ์น้ำท่วม หลังรับมวลน้ำจากฝนตกหนักทางภาคเหนือ และ จ.สุโขทัย ที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ จ.พิษณุโลก ท่วมแม่น้ำยมสายเก่า-ทุ่งบางระกำโมเดล ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำเหนือ ในพื้นที่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ อ.เมืองพิษณุโลก

โดยในเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก

โดยเมื่อเดินทางถึง จ.พิษณุโลก นายกรัฐมนตรีจะไปสักการะพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้น 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมโรงผลิตน้ำประปา เทศบาลนครพิษณุโลก อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อพูดคุยปัญหาน้ำประปา แล้วจะเดินทางต่อไปยังบึงตะเครง อ.บางระกำ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ พูดคุยประเด็นปัญหา ข้อจำกัด และวิธีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ

และ 14.45 น. นายกรัฐมนตรี จะไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหอกลอง อ.พรหมพิราม เพื่อพูดคุยปัญหาการระบายน้ำ และการวางแผนเพิ่มสถานีสูบน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จากนั้นจึงเดินทางกลับกรุงเทพฯ

นายชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมถึงพื้นที่ภาคเหนือ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชน ได้กำชับและสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะได้กำชับให้กรมชลประทานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในระยะนี้ ยังคงมีฝนตกหนักในหลายจังหวัด ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งให้ความช่วยเหลือ และให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบความมั่นคงของพนังกั้นน้ำ อาคารชลประทาน ให้มีความพร้อมใช้งานได้ตลอดช่วงฤดูน้ำหลากนี้ รวมถึงให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่รับทราบสถานการณ์น้ำล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือได้ทันกับสถานการณ์ ตลอดจนให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในขณะนี้ให้ได้มากที่สุด จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ