ลดเป้ายอดขายรถยนต์ในไทยปี 65 ลดต่ำกว่า 8 แสนคัน สารพัดปัจจัยลบรุมเร้ากำลังซื้อ

349
0
Share:

ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2022 จะขยายตัวราว 2% หรืออยู่ที่ 1.72 ล้านคัน จากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ และปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ รวมทั้งต้นทุนการผลิตรถยนต์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบต่างๆ

สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2022 คาดว่าจะขยายตัว 2.8% เทียบช่วงเดียวกันในปี 2021 หรืออยู่ที่ราว 7.8 แสนคัน ซึ่งชะลอลงจากคาดการณ์เดิมเมื่อต้นปีที่ประเมินว่าจะอยู่ 8.2 แสนคัน สาเหตุจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน อีกทั้ง ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้จำกัด

ด้านยอดส่งออกรถยนต์ในประเทศปี 2022 มีแนวโน้มขยายตัว 2.1% เทียบช่วงเดียวกันในปี 2021 หรืออยู่ที่ราว 980,000 คัน มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังคงเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดียังต้องติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไปที่มีแนวโน้มชะลอลง

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวได้ดีจากรถบรรทุกและรถจักรยานยนต์เป็นหลัก ขณะที่รถยนต์นั่งและรถโดยสารฟื้นตัวอย่างช้าๆ

ยอดขายกลุ่มรถโดยสารและรถบรรทุกในปี 2022 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่ายอดจดทะเบียนรถโดยสารและรถบรรทุกจะขยายตัวที่ 3.1% เทียบช่วงเดียวกันในปี 2021 โดยมีปัจจัยหนุนมาจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ทั้งในส่วนของการก่อสร้างทั่วไปและโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งนี้สำหรับกลุ่มรถโดยสาร (รถบัส) นั้น ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ ตามภาคการท่องเที่ยว แต่คาดว่าจะสามารถทยอยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ตามนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล

ด้านยอดขายกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลปี 2022 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างช้าๆ โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะขยายตัวอยู่ที่ 1.1% เทียบช่วงเดียวกันในปี 2021 จากปัจจัยหนุนในการคลายล็อกดาวน์และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแต่ยังคงต้องติดตามปัญหาภาวะเงินเฟ้อและราคาพลังที่ปรับตัวสูงขึ้น และอาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

ในส่วนของยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศและยอดส่งออกรถจักรยานยนต์ปี 2022 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 5.2% หรืออยู่ที่ราว 1.69 ล้านคัน โดยได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากธุรกิจ delivery, e-commerce และรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น รวมไปถึงความนิยมในรถจักรยานยนต์ราคาสูงที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีนและกลุ่มสหภาพยุโรป

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของไทยจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง ได้แก่

ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก มีแนวโน้มยาวนานกว่าที่คาด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังอุตสาหกรรมปลายน้ำอย่างรถยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในการผลิตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และรถยนต์ EVs

ต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดโลก ที่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิตรถยนต์ไทย เนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย ทำให้ราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบสินค้า commodities หลายตัวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นมาก และทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ปรับตัวจะสูงขึ้นตามไปด้วย

แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ EVs ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ Supply chain อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) ยกเว้นผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์บางประเภท เช่น โครงรถ ตัวถัง ระบบช่วงล่าง เบาะนั่ง ล้อรถ เป็นต้น ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ EVs

ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Car sharing และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรรมของผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการเป็นเจ้าของทรัพย์สินน้อยกว่าคนรุ่นเก่าอาจส่งผลต่อความต้องการรถยนต์ในระยะต่อไป