วิกฤตหนี้จีน! วิกฤตหนี้เสียอสังหาริมทรัพย์จีนบวมปูดกว่า 60 ล้านล้านบาท

รัฐบาลกลางจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยมาตรการแก้วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศที่ส่งผลให้เกิดหนี้เสียอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากมายว่า ได้จัดตั้งกลไกเครื่องมือการเงินเรียกว่า กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF เพื่อทำหน้าที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลเข้าไปซื้อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากผู้ประกอบการเอกชนที่ประสบวิกฤติการเงิน และพัฒนาโครงการได้เพียงครึ่งหนึ่ง หรือ 50% ของโครงการทั้งหมด

กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะทำการซื้อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายกับหนี้เสียของบริษัทดังกล่าวที่มีมากที่สุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และของโลก

มูดี้ส์ อินเวอสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า วิกฤตหนี้อสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องอาศัยการแก้ไขวิกฤตด้วยกลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันอย่างมากต่อตลาดหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ออกขายภายในประเทศ หรือตลาดออนชอร์ เนื่องจาก กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF ต้องออกพันธบัตรเป็นมูลค่าสูงถึง 11.6 ล้านล้านหยวน หรือ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของหุ้นกู้เอกชนในท้องถิ่นทั้งหมด เพื่อนำไปซื้อแก้ไขวิกฤตหนี้โครงการอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นใหญ่

นายเดวิด ควู และนายฉาง ชู ซึ่งเป็น 2 นักเศรษฐศาสตร์ของสายงานวิจัยเศรษฐกิจ บลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า การใช้กลไกดังกล่าวของรัฐบาลจีนทำให้หน่วยงานดังกล่าวมีภาระหนี้พุ่งสูงอย่างมากมายจากภาระหนี้สินเดิมที่มีอยู่ โดยคาดการณ์ว่า มูลค่าหนี้รวมสุทธิของกลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะมีสูงมหาสารถึง 60 ล้านล้านหยวน หรือ 330 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของมูลค่าเศรษฐกิจทั้งประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเงิน หรือวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน นั่นหมายความว่า กลไลการเงินรัฐบาลท้องถิ่น หรือ LGVF จะไม่สามารถไถ่ถอนคืนเงินให้กับเจ้าหนี้ได้แม้แต่น้อย อาจนำไปสู่ภาวะล่มสลายและวิกฤตเศรษฐกิจการเงินของจีนแผ่นดินใหญ่