ศบค.ประกาศ’ล็อกดาว์น-เคอร์ฟิว’ 10 จังหวัด “กทม-ปริมณฑล-4 จังหวัดภาคใต้”

565
0
Share:

Jul 9,2021 ด่วน! ศบค.ประกาศ’ล็อกดาว์น-เคอร์ฟิว’ 10 จังหวัด “กทม-ปริมณฑล-4 จังหวัดภาคใต้” ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.นี้ เป็นเวลา 14 วัน

.

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ว่า ภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มีมติ
ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงเข้มเพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกำหนดเวลาการออกนอกเคหสถาน ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา เป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.นี้

.

โดยจะใช้กับพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี นครปฐม นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ซึ่งมาตรการที่กำหนดดังนี้

.
1.จำกัดการเคลื่อนย้ายและการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด เฉพาะกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล

– กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนใช้การปฏิบัติงานในลักษณะ Work From Home ให้มากที่สุดโดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
– ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการในช่วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
– ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
– ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลเปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านยายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัดซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
– ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงวลา 20.00 น.
– ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
– สวนสาธารณะ สามารถปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
– ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรม ตามประพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

2. ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็นและห้ามออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี
3. การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้
4. กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

5. ให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่างๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนดมาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

6. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558