ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐชี้วัคซีนไฟเซอร์ป้องกันเด็กป่วยโควิดเข้าโรงพยาบาลได้ถึง 93%

475
0
Share:

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า จากการศึกษาและเก็บข้อมูลการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์ในกลุ่มเด็กอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี พบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงถึง 93% ในการป้องกันการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ที่สำคัญ มีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดียที่ระบาดในขณะนี้ด้วย

การศึกษาดังกล่าวนั้น เป็นการเก็บข้อมูลในช่วงระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึงวันที่ 30 กันยายน และเกี่ยวข้องกับเด็กจำนวน 464 รายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซึ่งเป็นผลจากการติดโรคระบาดโควิด-19 ในโรงพยาบาลเด็ก 19 แห่ง ที่กระจายใน 16 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกมีเด็กติดโรคระบาดโควิด-19 จำนวน 179 ราย และนำไปเปรียบเทียบกับอีกกลุ่มที่มีจำนวน 285 ราย ซึ่งไม่ได้ติดโรคระบาดโควิด-19

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าผลการศึกษาในครั้งนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่า ในจำนวนเด็กที่ป่วยด้วยโรคระบาดโควิด-19 และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่า 97% ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่มีเพียง 6 รายที่ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ในจำนวนผู้ป่วยเด็กติดโรคระบาดโควิด-19 มี 77 รายมีอาการขั้นไอซียู มี 29 รายต้องได้รับการสนับสนุนการรักษาตลอดชีวิต และมี 2 รายเสียชีวิต ทั้งหมดนี้ ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ที่สำคัญ มี 68% ที่ไปเรียนที่โรงเรียน

ทั้งนี้ ศูนย์ CDC กล่าวว่า ผลจากการศึกษาวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นวัคซีนยี่ห้อเดียวที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริการับรองการฉีดเพื่อการฉุกเฉินในกลุ่มประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีลงมา จะทำให้เกิดการยอมรับและเพิ่มจำนวนในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในกลุ่มเด็กเล็กและวัยรุ่นได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีนล่าช้าเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มคนทั่วไป