ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษฮ่องกง จะกระตุ้นสงครามการค้ากับจีน

714
0
Share:

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์สถานการณ์ที่สหรัฐฯ ยุติสิทธิพิเศษกับฮ่องกงเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา จะเป็นอีกชนวนกระตุ้นสงครามการค้ากับจีนให้กลับมาร้อนแรงในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปีนี้สหรัฐฯ ยังคงนำประเด็นอ่อนไหวของจีน มาใช้เป็นเครื่องมือกดดันจีนผ่านความตกลงทางการค้าเฟส 1 ประกอบกับเงื่อนเวลาการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามายิ่งทำให้ทุกเรื่องผูกโยงกันอย่างซับซ้อน ทำให้สงครามการค้าครั้งนี้คงจะยืดเยื้อและไม่น่าจะเกิดความตกลงในเฟส 2 ได้ ถึงแม้การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะได้บทสรุปเป็นผู้นำคนใหม่ แต่การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในด้านภูมิรัฐศาสตร์จะคงมีอยู่ต่อไป และคงไม่ทำให้สงครามการค้าสงบได้อย่างมีนัยสำคัญ
.
โดยประเมินว่าตลอดระยะเวลา 2 ปีที่สงครามการค้าปะทุขึ้นทำให้การค้าของไทยในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องเสียประโยชน์สุทธิ 1.1 พันล้านดอลลาร์ฯ แม้ว่าสินค้าไทยส่วนหนึ่งจะได้อานิสงส์จากการส่งไปแทนที่สินค้าของคู่กรณีทั้งทางตรงและทางอ้อมแต่ก็ไม่มากพอที่จะชดเชยผลกระทบหลักๆ ที่ทำให้การส่งออกสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่ของจีนปรับตัวลดลง รวมกับการที่ไทยต้องสูญเสียพื้นที่ตลาดในประเทศเพื่อนบ้านไปจากการเข้ามาของสินค้าจีน
.
ผลจากสงครามการค้าเริ่มเบาบางลงตั้งแต่เกิดความตกลงในเฟส 1 เมื่อต้นปี 2563 แต่การเกิดโควิด-19 กลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาความเสี่ยงของการแพร่ระลอก 2 ในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกและกดดันการค้าโลกในช่วงที่เหลือของปีอย่างมีนัยสำคัญ
.
ทำให้การส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐฯ ในปี 2563 ที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาดอย่างหนักจะยังหดตัวร้อยละ 2.7 มีมูลค่าการส่งออก 30,500 ล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่การส่งออกของไทยไปจีนแม้ได้แรงส่งจากกำลังซื้อที่กลับมาได้ก่อนประเทศอื่นแต่ภาคการผลิตที่พึ่งพาทั้งตลาดจีนและตลาดต่างประเทศก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้การส่งออกของไทยไปจีนขยายตัวอย่างจำกัดที่ร้อยละ 3.2 มีมูลค่าการส่งออกที่ 30,100 ล้านดอลลาร์ฯ