“ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา”อีก 2 ปีถึงจะเซ็ตซีโร่ ไร้คนติดเชื้อโควิด 19

1100
0
Share:

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการรายการโหนกระแสถึงตัวเลขการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ของไทยในปัจจุบันว่า ถือว่าดีขึ้น แต่ยังไม่ค่อยน่าพอใจ และกว่าจะเซ็ตซีโร่น่าจะอีก 2 ปี เมื่อไหร่เราเจอจำนวนคนไข้ใหม่น้อยลง อันดับแรกต้องถามตัวเองก่อนว่าตรวจน้อยลงหรือเปล่า ถ้าเราตรวจน้อยลงก็เจอน้อยลง อันนี้ก็จะเป็นตัวเลขไม่จริงแล้ว ตัวเลขที่เราตรวจในวลานี้เมื่อเทียบประชากร 1 ล้านเราตรวจมากกว่าเวียดนาม เราตรวจไปแสนกว่าราย ขณะเดียวกันเราเตรียมจะตรวจมากขึ้นไปอีก ถ้าเราตรวจเยอะ ขณะเดียวกัน จำนวนน้อยลงจริง ก็ต้องให้แน่ใจว่าน้อยจริงๆ นะ เขาก็แนะนำว่าให้ติดตามแบบนี้ไป 14 วัน ระยะฟักตัว
.
วันแรกที่เราเริ่มน้อยลง ของเมืองไทยเราจริงๆ วันที่ 6 เม.ย. จำนวน 51 ราย และวันที่ 7 เม.ย. จำนวน 38 ราย แต่วันที่ 8 เม.ย. ที่ขึ้นมาถึง 111 ราย หลังจากนั้นก็ลดลงมาเรื่อยๆ พอไปวิเคราะห์ 111 ราย มี 42 รายที่กลับจากอินโดนีเซีย นั่นหมายถึงเป็นปัจจัยภายนอก ในประเทศยังเป็น 60 กว่าราย และลงต่อเนื่องมาตลอด เวลาดูเราต้องดู 3 ตัว จำนวนใหม่ต้องสัมพันธ์กับการตรวจด้วย แต่ถ้ามองในแง่เซฟไซส์ต้องมองวันที่ 9 เม.ย. แล้วลงต่อเนื่องถึง 22 เม.ย. ไม่กระดกขึ้นมาอีกเลย ไม่มีรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกเลย ตนอาจเริ่มสบายใจมากขึ้นว่าเราอาจคุมการกระจายของเชื้อได้ดีขึ้น
.
ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด 19 ของไทย อยู่ที่ 1.63 เป็นอัตราที่ไม่สูง ต้องชื่นชมนะว่าทีมที่ดูแลคนไข้ทำกันเต็มที่จริงๆ แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ ไทยมีคนไข้จำนวนหนึ่งที่หายใจไม่ได้ ต้องใส่ท่อหายใจ ลึกๆ ก็คิดว่าไม่ไหว แต่ปัจจุบันสามารถถอดท่อหายใจและกลับบ้านแล้ว ตรงนี้เราก็ทำได้ดีเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
.
อย่างไรก็ตามเมื่อไหร่มีคนติดเชื้อมาก และเกินศักยภาพร.พ. อัตราการตายจะเพิ่มขึ้นทันที เป็นเรื่องที่ห่วงตรงนี้มาก ถึงบอกว่ายุทธศาสตร์ต้นน้ำต้องลดลงให้ได้ ไม่ให้มาประดังอยู่ปลายทาง และขณะนี้มีอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่ทำให้รู้ว่าสถานการณ์ของไทยดีขึ้น คือ ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. เป็นต้นมา ไทยมีคนกลับบ้านมากกว่าคนเข้าใหม่ ศิริราชเตรียมเตียงตั้ง 102 เตียง ตอนนี้เหลือ 20 เตียง คนไข้ทยอยกลับบ้านไปเรื่อยๆ แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการดูแลของเราดีพอ ภายใต้เงื่อนไขว่าการทะลักเข้าร.พ.คุมได้ดี ออกไปมากกว่าเข้า
.
โดยการแก้ไขโควิด 19 หลักต้นน้ำจะได้ผลดีกว่าเยอะมาก ต้นน้ำไม่ใช่หน้าที่แพทย์พยาบาล เป็นหน้าที่คนไทยทุกคน ผมย้ำอีกครั้ง ศึกนี้จะชนะคนไทยทุกคนต้องช่วยกัน
.
ส่วนเรื่องผับบาร์ตนเห็นว่ายังไม่ควรเปิด ไม่ใช่เรื่องจำเป็น แต่ร้านอาหารอาจต้องเริ่มดู ร้านตัดผมก็ต้องพิจารณา แต่อย่าเพิ่งดีใจจนเกินไป อย่าผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไป ขอให้ผ่อนไปเป็นสเต็ปเป็นระยะๆ ตนยืนยันว่าเมื่อผ่อนปรนคนไข้ใหม่จะเกิดขึ้น แต่จะขึ้นเตี้ยกว่าของเดิม ทำอย่างนี้กราฟเราจะค่อยๆ เตี้ยลง แต่ระยะเวลากว่าจะเป็นเส้นตรงราบไป ผมเชื่อว่าเป็นปีถึงปีครึ่ง
.
ส่วนเรื่องวัคซีนในการรักษา คงไม่เร็วไปกว่า 1 ปี น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี – 1 ปีครึ่ง เพราะเชื่อว่าถ้าเกินจากเวลานี้โควิด19 จะหมดไปแล้ว บริษัทยาผลิตไม่คุ้ม คนก็ไม่ฉีดซึ่งในเบื้องต้นประเมินตามความเห็นของตนน่าจะประมาณ 1 ปี ดังนั้นต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อไปจนถึงวันที่ 22 เม.ย.ถ้ายังอยู่แบบนี้ก็พอใจระดับหนึ่ง แต่ 1 พ.ค. ต้องค่อยๆ ผ่อนปรนเปิดเมือง จะเปิดเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยแน่นอน