สถานบันเทิงฯ จี้นายกฯ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-โรคติดต่อ ชงเปิดสถานบันเทิงพื้นที่นำร่อง

391
0
Share:
สถานบันเทิง

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เป็นตัวแทนนำเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวและบริการร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และสมาคมต่างๆ รวม 231 ราย ยื่นหนังสือผ่านนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ซึ่งจากการปฏิบัติตามมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมาตรการปิดกิจการ จำกัดการเดินทาง จำกัดเวลาและรูปแบบกิจการกิจกรรม และจำกัดจำนวนคน รัฐบาลมีเป้าหมายการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรการและข้อจำกัดการเดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เหลือเพียงพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจนถึง 24.00 น. นั้น ถือเป็นการดำเนินการสำคัญในการประกาศความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคภายในประเทศ

ทางเครือข่ายฯ ขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพราะการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะกระทบต่อการซื้อประกันของนักท่องเที่ยว ส่วนหากยังมีพ.รบ.โรคติดต่อ จะทำให้คนจะไม่กล้าเข้าประเทศ

นอกจากนี้ ขอให้ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass ในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์ กลับมาเยือนไทยอีกครั้ง รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

ซึ่งในระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่ 16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด รวมทั้งเปิดดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป เชื่อว่าหากภาครัฐเห็นด้วยกับข้อเสนอที่นำเสนอในวันนี้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับคืนมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการกลุ่มนี้ด้วย

ทั้งนี้เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ควรจะเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน เป็นหนึ่งตัวชูโรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทย ดังนั้นเราต้องชิงส่วนแบ่งเค้กด้านการท่องเที่ยวจากประเทศอื่นให้เร็วที่สุด