สธ.จ่อปลด ‘โควิด-19’ ออกจาก ‘ป่วยฉุกเฉิน’ ให้สามารถรักษาได้ตามสิทธิเริ่ม 1 มี.ค.นี้

669
0
Share:
โควิด-19

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมว่าเตรียมที่จะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ยกเลิกการกำหนดให้ผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน และการกำหนดค่าตรวจหาเชื้อที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จะจ่ายชดเชยให้สถานพยาบาล โดยหากใช้วิธี RT-PCR จะอยู่ที่ 900 บาทและ1,100 บาท ขึ้นกับวิธีการตรวจ

สำหรับการตรวจด้วย ATK จะอยู่ที่ 250 และ 350 บาทขึ้นกับเทคนิคของชุดตรวจ และปรับอัตราการกรณีรักษาในฮอสพิเทลอยู่ที่ 1,000 บาทต่อวัน เท่ากับกรณีการแยกกักตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) ทั้งหมดจะมีผลในวันที่ 1 มี.ค. 2565 นี้ ซึ่งหลังการประกาศประชาชนที่ติดเชื้อยังเข้ารับการรักษาได้ฟรีตามสิทธิหลักประกันสุขภาพ ทั้งบัตรทอง ประกันสังคม หรือสวัสดิการข้าราชการ ก็เป็นการเข้าระบบรักษาพยาบาลได้ปกติ

ในปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 80% ในทุกวัน คือ ผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงสูง มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีน ซึ่งการที่จะแก้ไขตรงนี้ได้ก็คือ มารับวัคซีนกันอย่างถ้วนหน้า ส่วนผู้เสียชีวิตก็ต้องทำตามกฎสากล อาจจะป่วยด้วยโรคอื่น แต่มีติดเชื้อโควิดด้วยก็ต้องรายงานว่าเสียชีวิตจากโควิด-19 ที่สำคัญคือ ถ้าเทียบสถานการณ์ปีต่อปี สิ่งที่มันต่างกันก็คือ ปีที่แล้วไม่มีวัคซีน พอมีการติดเชื้อระบาดขึ้นมากก็จะมีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้น เสียชีวิตจำนวนมาก แต่พอได้รับวัคซีน มีระบบ HI การเปิดเตียงในรพ.เพื่อให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้สถานพยาบาลจริงๆ ก็ทำให้ประคับประคองได้

โดยในวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อเกือบ 15,000 ราย ถ้าเทียบก่อนสิ้นปีถึงปัจจุบัน เดือนครึ่งผู้ติดเชื้อขึ้นมาประมาณ 5 เท่า แต่ป่วยหนักกับเสียชีวิต จำนวนคนยังเท่าเดิม ก็เท่ากับลดลงไป 5 เท่าเหมือนกัน ขอให้คนไม่เจ็บป่วยอาการหนักได้ นี่คือ เป้าหมายที่สำคัญของ สธ.

ทางด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เตรียมรองรับสถานการณ์มาตลอดอยู่แล้ว เตรียมสถานพยาบาล การควบคุมโรค ก็มีระบบ VUCA อยู่แล้ว การฉีดวัคซีน ประชาชนทุกคนก็ให้ความร่วมมือใส่หน้ากากกันทุกคน แต่อาจจะมีบางกลุ่มที่ขาดความรับผิดชอบบ้าง COVID Free Setting ขณะนี้มีมาก อยากขอความร่วมมือสถานประกอบการทุกแห่ง ถ้าทำได้ ก็จะช่วยให้สถานที่นั้นเป็นสถานที่ ที่ปลอดภัย และการตรวจ ATK เป็นระยะ

ส่วนตัวเลขการติดเชื้อ ถ้าวางแผนให้เป็นในโรคประจำถิ่น การรายงานการติดเชื้อก็ไม่มีความจำเป็น ไมเ่เช่นนั้นก็จะถามแต่ตัวเลขติดเชื้อเพิ่มขึ้น ลดลง แต่ว่าจริงๆ แล้วความหมายของระบบสาธารณสุขต่อการติดเชื้อก็คือ การดูแลผู้ป่วยหนัก และเสียชีวิต ซึ่งปัจจุบันผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตก็ไม่ได้ขึ้น ไทยเคยมีผู้ป่วยหนักปอดอักเสบถึงวันละ 6,000 กว่า นอนICU อยู่ประมาณ 1,200 ตอนนี้มีผู้ป่วยที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจอยู่เพียง 110 คน ต่ำกว่าสมัยก่อนถึง 10 เท่า ผู้ป่วยปอดอักเสบ 500 กว่าคน ต่ำกว่า 10 เท่าเช่นเดียวกัน ขณะนี้เตียงใน รพ.เหลืออยู่กว่า 70% ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการให้ประชาชนแยกกักตัวที่บ้านหรือในชุมชน(HI/CI) ได้ด้วยตนเองจะดีมาก