สธ.ชี้วัคซีนโควิด 2 เข็ม เอาโอไมครอนไม่อยู่ ต้องฉีดเข็มบูสเตอร์ประสิทธิผลสูง 94%

431
0
Share:
วัคซีนโควิด

นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงว่าประเทศไทยต้องอยู่กับโอไมครอนให้ได้ ซึ่งผู้ป่วยปอดอักเสบและเสียชีวิตยังคงตัว แม้ติดเชื้อรายใหม่หมื่นกว่าคน ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้อาการรุนแรง คือ กลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งผู้เสียชีวิต 12 รายวันนี้ เป็นกลุ่มสูงอายุและมีโรคเรื้อรังทั้งหมด พบว่าไม่ได้ฉีดบูสเตอร์โดสแม้แต่คนเดียว

ดังนั้นการเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสจึงช่วยลดการป่วยรุนแรงในระลอกนี้ ขอให้ทุกคนช่วยกันป้องกันตนเองและคนในครอบครัว ไม่ให้สถานการณ์สูงขึ้นกว่านี้ โดยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองสูงสุด และ VUCA จะช่วยให้การเสียชีวิตไม่เพิ่มมากกว่านี้

โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาพบการติดเชื้อในเด็กอายุ 0-9 ปี และ 10-19 ปีเพิ่มขึ้น อย่างอายุ 0-9 ปี ช่วงแรกติดเชื้อ 1-2% ก็เพิ่มมาเป็น 10.4% ซึ่งการติดเชื้อเด็กเล็กที่เพิ่มช่วงนี้ก็สอดคล้องกับการระบาดในโรงเรียน ส่วนใหญ่นักเรียนอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ส่วนมีอาการพบได้บ้างน้อยกว่า 0.1% ขอให้ผู้ปกครองพาเด็กไปรับวัคซีน โดยไฟเซอร์ฉีดได้ 5 ขวบขึ้นไป และซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ในเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป

ทางด้าน นพ.ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการศึกษาประสิทธิผลการใช้จริงวัคซีนโควิด-19 ระดับประเทศ เปรียบเทียบผู้ติดเชื้อกับผู้ไม่ติดเชื้อ ทั้งประวัติการฉีดวัคซีนและอาการรุนแรง พบว่าผู้ที่รับวัคซีน 2 เข็ม ป้องกันการติดเชื้อ 65% ป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิต 88% ส่วนคนรับ 3 เข็ม ประสิทธิผลสูงขึ้นป้องกันการติดเชื้อสูง 94% และป้องกันการรุนแรงและเสียชีวิตสูงขึ้นเป็น 98%

วัคซีนที่ใช้ในไทยช่วงที่ผ่านมา ป้องกันการติดเชื้อและป่วยรุนแรงได้ดีมาก คนได้ 2 เข็มป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตสูงมากและสูงต่อเนื่อง แต่เวลาผ่านไปการป้องกันติดเชื้อลดลง เมื่อเจอโอไมครอน 2 เข็มแทบเป็น 0 แต่เข็ม 3 ประสิทธิผลเพิ่มขึ้น แต่อาจไม่สูงเมื่อเจอโอไมครอน แต่ยังอยู่ที่ประมาณ 68% การควบคุมการระบาดโควิด นอกจากวัคซีนที่ต้องเร่งฉีดเข็ม 3 ซึ่งขณะนี้ฉีดแล้ว 22% ยังต้องทำมาตรการอื่น ทำให้ไทยสามารถจะต่อสู้โควิด ไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์