สธ. เผยผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วถึง 30-50% มีภาวะ”ลองโควิด”

451
0
Share:

สธ. เผยผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วถึง 30-50% มีภาวะ”ลองโควิด” ในช่วง 1-3 เดือนแรก แนะพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุหลัก
.
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายรายวันมีจำนวนเพิ่มขึ้น แม้ว่าผู้ป่วยหลายรายจะหายป่วยและตรวจไม่พบเชื้อไวรัส แต่อาจจะยังมีอาการหลงเหลืออยู่ ซึ่งองค์การอนามัยโลกเรียกอาการที่เกิดขึ้นนี้ว่า “ภาวะลองโควิด” (Long COVID) หรืออาการหลงเหลือของเชื้อโควิด-19 ระยะยาว โดยส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากหายป่วยในช่วง 1-3 เดือนแรก พบได้ 30-50% ของผู้ป่วยโรคโควิด-19
.
ทางด้านนพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่าอาการของ “ภาวะลองโควิด” แสดงออกได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการแตกต่างกันไม่มีลักษณะตายตัว เช่น ไอ, มีไข้, ปวดศีรษะ,การรับรู้กลิ่นหรือรสชาติลดลง, เจ็บหน้าอก, หายใจไม่อิ่ม, เหนื่อยล้า, ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ หรือท้องเสีย ซึ่งอาการเกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และในบางรายอาจมีอาการทางจิตใจ เช่น วิตกกังวล สมาธิสั้นลง หรือซึมเศร้าร่วมด้วย
.
โดยผู้ป่วยโควิดที่มีอาการป่วยรุนแรง จะมีโอกาสเกิดภาวะลองโควิดสูงกว่าผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อย เนื่องจากอาจมีปัจจัยเรื่องความเครียดที่สะสมมาจึงส่งผลต่อเนื่องอาจถึง 3-6 เดือน อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ด้วย เช่น โรคหอบหืด และผู้ที่เคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งผู้ที่หายป่วยแล้วไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด
.
ทั้งนี้หากผู้ที่หายป่วยจากโรคโควิดได้มีอาการลองโควิด ขอแนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เนื่องจากบางรายอาจเป็นผลจากตัวยาที่ใช้รักษา หรือบางรายอาจจะมีโรคอื่นๆ ร่วมด้วย จึงต้องมีการตรวจเพิ่มเติมและทำการรักษาให้ตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ผู้หายป่วยแล้วบางรายอาจจะติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ต่างไปจากสายพันธุ์เดิม แต่อาจไม่แสดงอาการชัดเจน ดังนั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ