สภาอุตสาหกรรมฯ ฟันธงสินค้าแพงอาจลากยาวอย่างน้อย 3 เดือน เอกชนตรึงได้แค่ 2 เดือน

347
0
Share:
สภาอุตสาหกรรมฯ

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ภายใต้หัวข้อ “สินค้าแพง ค่าครองชีพพุ่ง จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ และคาดว่าภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานไป อย่างน้อย 3 เดือน หรืออาจยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ หากราคาพลังงานยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้อีกแค่ 1 – 2 เดือนเท่านั้น

ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนโดยการลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง รวมทั้ง ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง และสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในช่วงนี้ นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังคาดว่า อัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในกรอบ 2–4%

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 14 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

1. ปัจจัยใดส่งผลกระทบทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้
อันดับที่ 1 : ปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.7%

อันดับที่ 2 : ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 74.0%

อันดับที่ 3 : ค่าขนส่งที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง 63.3%

อันดับที่ 4 : ปัญหาขาดแคลนแรงงาน และภาระค่าใช้จ่ายด้านแรงงานที่เพิ่มขึ้น 51.3%

2. ภาวะราคาสินค้าแพงจะยาวนานแค่ไหน
อันดับที่ 1 : 3 – 6 เดือน อยู่ที่ 35.3%
อันดับที่ 2 : 6 – 12 เดือน อยู่ที่ 34.7%
อันดับที่ 3 : มากกว่า 1 ปี  อยู่ที่ 30.0%

3. มาตรการใดมีประสิทธิภาพในการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน
อันดับที่ 1 : ลดค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำประปา, ค่าเดินทาง   75.3%

อันดับที่ 2 : ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม เช่น ภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิงและสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ 74.7%

อันดับที่ 3 : ตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้มีผลต่อต้นทุนสินค้า  66.0%

อันดับที่ 4 : มาตรการใช้จ่ายลดค่าครองชีพ เช่น คนละครึ่ง 59.3%

4. ภาคเอกชนจะช่วยเหลือประชาชนในการตรึงราคาสินค้าไม่ให้ปรับขึ้นได้นานเท่าไร
อันดับที่ 1 : 1 – 2 เดือน 40.0%
อันดับที่ 2 : 3 – 4 เดือน 30.7%
อันดับที่ 3 : มากกว่า 6 เดือน 16.7%
อันดับที่ 4 : 5 – 6 เดือน 12.6%

5. เอกชนควรปรับตัวรับมือกับกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวอย่างไร
อันดับที่ 1 : นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์  77.3%

อันดับที่ 2 : นำระบบบริหารจัดการมาช่วยในการลดต้นทุนการผลิต เช่น LEAN, ไคเซ็น  61.3%

อันดับที่ 3 : ปรับกลยุทธ์เน้นตลาดต่างประเทศ และการแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ  54.0%

อันดับที่ 4 : เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านตลาดออนไลน์ 50.0%

6. อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2565 จะอยู่ในระดับใด
อันดับที่ 1 : เพิ่มขึ้น 2-4 % อยู่ที่ 58.0%
อันดับที่ 2 : เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% อยู่ที่ 23.3%
อันดับที่ 3 : เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2% อยู่ที่ 18.7%