สมคิด“มั่นใจ”งานกับทีมเศรษฐกิจใหม่ได้

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลเกินกว่าเหตุในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจทุกพรรคใกล้เคียงกัน ในเรื่องการช่วยเหลือประชาชนฐานราก และนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้กำกับดูแลทั้งหมด รวมถึงได้สั่งการให้ไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ในการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร แม้ตนจะไม่มีพรรค แต่ตนก็มีคนที่ทำงานร่วมกันมา และทุกอย่างก็ทำเพื่อบ้านเมืองทั้งนั้น
.
โดยเศรษฐกิจไทยขณะนี้กำลังเจอกับปัญหาหลัก 2 เรื่อง 1. ปัญหาการเมืองในประเทศ และ 2. ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งกระทบกับการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นทั่วโลก ดังนั้นไทยต้องพยายามผ่านไปให้ได้ ด้วยการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ
.
ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ใช้ได้ และการที่ได้นายกรัฐมนตรีคนเดิม นโยบายด้านเศรษฐกิจคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะถือเป็นเครื่องหมายการค้าของประเทศไทยไปแล้ว ถ้าทำลายทิ้ง ก็ถือว่าไม่โง่ก็บ้าแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม
.
แม้ปัญหาเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2563 จะล่าช้าไปบ้าง แต่ก็น่าจะชดเชยด้วยอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับการเชื่อมั่นและไม่ควรที่จะชักปืนยิงใส่เท้าตัวเอง และทุกสถาบันการเงินของรัฐพร้อมทำตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องที่จำเป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่การกระตุ้นที่เกินกว่าเหตุ
.
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และภาคการเมืองไม่ควรเข้าไปแทรกแซงค่าเงิน เพราะถ้าประเทศไม่ดีจริง เงินลงทุนคงไม่ไหลเข้ามา