“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”สั่งเข้มเร่งลงทุนโครงการ PPP หลังพบล่าช้าเกือบทุกโครงการ

617
0
Share:

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดี ได้กระทบกับเศรษฐกิจไทย โดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้รายงานความคืบหน้าโครงการ PPP เกือบทุกโครงการมีความล่าช้าออกไป 6-10 เดือน จึงได้กำชับกับนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. ให้ส่งสารถึงรัฐวิสาหกิจที่เป็นเจ้าของโครงการลงทุนพยายามให้โครงการเดินหน้าต่อไปให้ได้ จะช้าไปบ้างไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่ช้าขนาดเป็นปี ซึ่งรัฐวิสาหกิจต้องให้เหตุผลได้ว่าการลงทุนล่าช้าเพราะอะไร
.
โดย โครงการ PPP มี 2 ส่วน คือส่วนที่หนึ่งโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่แล้ว ก็ให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เมื่อวานนี้ได้สั่งการให้บริษัท ปตท. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเร่งการลงทุนของปีหน้าให้มาลงทุนภายในปีนี้่ และปรับเปลี่ยนการลงทุนที่เน้นการจ้างงานให้มากขึ้น
.
ส่วนที่สอง คือ โครงการมีแผนเข้า PPP ตอนนี้ทั้งหมดขอหยุดโครงการหมด ก็ได้ให้ สคร. ไปติดตามว่าหยุดโครงการเพราะอะไร มีเหตุผลหรือไม่ หากไม่มีเหตุผลไม่ให้ชะลอโครงการ หากชะลอโครงการหรือไม่ยอมลงทุนให้ยกเลิกโครงการไปเลย ให้ไปหาโครงการอื่นมาทดแทน
.
รัฐบาลต้องการเห็นโครงการลงทุน PPP ไม่ใช่มีแต่โครงการโครงการสร้างพื้นฐานเท่านั้น ต้องการให้การลงทุน PPP ในโครงการด้านสังคม ด้านการแพทย์ สาธารณสุข การศึกษา ที่อยู่อาศัยเพื่อคนชรา การท่องเที่ยว การเกษตร ในส่วนนี้มีความตื่นตัวน้อยเพราะไม่มีแรงจูงใจ ได้ให้ทางบีโอไอ ไปดูมาตรการจูงใจเพิ่มเติมแล้ง
.
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การลงทุน PPP ล่าช้าเพราะการระบาดของโควิด ไม่ได้มาจากปัญหาเกียร์ว่างของหน่วยงานเจ้าของโครงการ ซึ่งเศรษฐกิจต้องการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เพราะการส่งออกวันนี้่ช่วยเศรษฐกิจไม่ได้ คลังจะต้องเร่งประสานหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อเร่งการลงทุน
.
โดยโครงการ PPP มีทั้งหมด 90 โครงการ มูลค่า 1.09 ล้านล้านบาท มีโครงการที่สำคัญ 18 โครงการ มูลค่า 4.72 แสนล้านบาท ในจำนวนมีกว่า 10 โครงการ ที่ลงทุนล่าช้า ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ติดตาม หากไม่เป็นตามแผน ให้เชิญผู้บริหารเจ้าของโครงการมาร่วมประชุมเพื่อชี้แจงในครั้งหน้า
.
ส่วนสาเหตุที่ล่าช้า เพราะผลกระทบจากโควิด และการส่งวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศเพื่อก่อสร้างลงทุนไม่สามารถทำได้ เพราะมีการปิดประเทศ
.
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการวันนี้ได้มีการออกกฎหมายลูก PPP เรื่องโครงการลงทุนที่มีมูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแม่ PPP ทั้งหมด ซึ่ง ประกอบด้วย 2 ส่วน ในส่วนแรกกิจการโครงการไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ให้เป็นอำนาจของหน่วยงานเจ้าของโครงการ หรือ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงดำเนินการไปได้เลย
.
ส่วนที่สองโครงการที่มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ให้เสนอ สคร. เพื่อเสนอให้คณะกรรมการ PPP พิจารณาว่าต้องดำเนินการตามกฎหมายแม่หรือไม่ หากไม่จำเป็นก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ หรือ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงดำเนินการไปได้เลย