“สมชาย” จี้ กกต. ส่งตีความคุณสมบัตินายกฯ พร้อมตรวจคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการปมคดีไอทีวี

225
0
Share:
สมชาย จี้ กกต. ส่งตีความคุณสมบัตินายกฯ พร้อมตรวจคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการปมคดี ไอทีวี

นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้นไอทีวี ระบุว่า กกต.ควรเร่งสรุปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยเป็นที่สุดและตรวจสอบคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่ทำให้ไอทีวีฟื้นคืนชีพ ด้วยเหตุผลดังนี้

1. รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 82 วรรคท้ายระบุว่า “กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง เห็นว่าสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีเหตุสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย”

ดังนั้น เมื่อ กกต. รับรองสมาชิกภาพ ส.ส.แล้ว มีเหตุผู้ร้องเรียน และ กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ควรเร่งพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98(3) ห้ามถือหุ้นสื่อ อันเป็นการขาดสมาชิกภาพ ส.ส ตามมาตรา 101(6) และมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 หรือไม่ โดยยึดหลักเดียวกับการยื่นคดี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คือ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอคำวินิจฉัยด้วย ส่วนแคนดิเดตผู้สมัครนายกรัฐมนตรี จะต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 หรือไม่ กกต.ควรร้องไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในคราวเดียวกัน จะเป็นประโยชน์การยื่นฟ้องเสียในคราวเดียวกัน

2. กกต.ควรตรวจสอบคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเรื่องที่ไอทีวีฟ้องสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีคำวินิจฉัยชี้ขาด วันที่ 14 ม.ค. 2559 ที่ไอทีวีเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหาย และให้บริษัทกลับเข้าดำเนินการสถานีโทรทัศน์ ระบบยูเอชเอฟ โดยใช้คลื่นความถี่และทรัพย์สินอุปกรณ์เครือข่ายเดิมต่อไป จนครบกำหนดระยะเวลาสัญญาอนุญาตที่อนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยว่า การบอกเลิกสัญญาอนุญาตของสำนักงานปลัดฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเรื่องนี้ และคำพิพากษาศาลปกครอง มีความสำคัญต้องพิจารณาว่าไอทีวีชนะคดีจากสำนักปลัดฯแล้ว และการขอให้เข้าดำเนินการในสถานีโทรทัศน์ยูเอชเอฟเดิมนั้น ทำให้ไอทีวีที่มีวัตถุประสงค์สื่อชัดเจน และยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการได้รับชัยชนะในคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการให้ไอทีวีกลับเข้าดำเนินการในสถานีโทรทัศน์ยูเอชเอฟเดิมได้ จึงมีประเด็นข้อพิจารณาว่าไอทีวีน่าจะยังเป็นผู้การประกอบกิจการ หรือเตรียมประกอบกิจการสื่อมวลชนที่ยังไม่ได้ยกเลิกใช่หรือไม่