สมาชิกเน็ตฟลิกซ์ยกเลิกรวมกว่า 1.17 ล้านรายตั้งแต่ตั้งบริษัท
เน็ตฟลิกซ์ อินคอร์ปอเรชั่น ยักษ์ธุรกิจสตรีมมิ่งภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยเฉพาะในด้านจำนวนสมาชิกที่ยกเลิกบริการนั้น พบว่ามีจำนวน 970,000 บัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ถึง 770,000 ราย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีจำนวนยกเลิกสูงถึง 2 ล้านรายตามที่เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม จำนวนสมาชิกเน็ตฟลิกซ์ยกเลิกรวมกันทั้งสิ้น 1.17 ล้านบัญชีในครึ่งปีแรก ทำสถิติยอดยกเลิกสมาชิกมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเน็ตหลิกฟ์เป็นต้นมา
เน็ตฟลิกซ์ตัดสินใจร่วมกับไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ในการเป็นช่องทางสร้างรายได้จากการขายโฆษณาในกลุ่มประเภทโฆษณาต้นทุนต่ำ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในต้นปี 2566 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เน็ตฟลิกซ์มีการโฆษณาเกิดขึ้น
ด้านรายได้ในไตรมาสที่ 2 พบว่า มีรายได้อยู่ที่ 7,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 294,890 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 8,035 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 297,095 ล้านบาท ขณะที่เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 3 นี้ จะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 1 ล้านบัญชี ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกเหลืออยู่ที่ 220.67 ล้านบัญชี
ก่อนหน้านี้ เน็ตฟลิกซ์ได้ดำเนินการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วยการประกาศปลดพนักงานถึง 2 รอบ รวมจำนวนปลดพนักงาน 450 ราย นอกจากนี้ ประกาศตัดงบประมาณแผนกแอนนิเมชั่น (Animation) ส่งผลให้ภาพยนตร์ซีรีย์แนวแอนนิเมชั่นหลายเรื่องต้องยุติการผลิต ได้แก่ Boss Baby, My Father’s Dragon, Big Mouth และ Human Resources รวมไปถึงการดัดแปลงหนังสือการ์ตูนชุด Bone ที่ต้องยุติการผลิตด้วย
ย้อนกลับไปดูผลประกอบในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พบว่า เน็ตฟลิกซ์มีจำนวนสมาชิกยกเลิกสูงถึง 200,000 ราย นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีที่มีสมาชิกยกเลิกบริการสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่เน็ตฟลิกซ์สูญเสียสมาชิกเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม ปี 2011 ส่งผลให้ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 20 เมษายนร่วงลงอย่างรุนแรงถึง -25% หลังจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กปิดทำการในคืนผ่านมา
เน็ตฟลิกซ์เคยเตือนว่าผลประกอบการโดยเฉพาะจำนวนสมาชิกมีแนวโน้มจะยกเลิกเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ อาจมีจำนวนสมาชิกยกเลิกสูงถึง 2 ล้านราย ซึ่งมีสาเหตุจากธุรกิจสตรีมมิ่งภาพยนตร์มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น การแชร์รหัสเข้าชมบริการสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ให้กับบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิก และสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อซึ่งกระทบกำลังซื้อของลูกค้า ก่อนหน้านี้ เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่า ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ จะมีจำนวนสมาชิกทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านราย แต่ในความเป็นจริงกลับมีสมาชิกยกเลิกสูงถึง 200,000 ราย
