สร้างสถิติติดโควิดเกือบ 750 มากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ออสเตรเลีย สั่งขยายล็อกดาวน์ไปถึง 28 สิงหาคมนี้

นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันนี้ 19 สิงหาคม 2564 ซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองหลักของรัฐดังกล่าว พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงถึง 681 ราย ทำสถิติมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในเมืองซิดนีย์เป็นต้นมา จากสถานการณ์ที่ยังไม่สามารถควบคุมภาวะการติดเชื้อได้ ทำให้มีมติต่ออายุมาตรการปิดล็อกดาวน์ทั้งรัฐออกไปอีกจนถึงเที่ยงคืนตรงของวันที่ 28 สิงหาคมนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม เมืองซิดนีย์มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ด้านการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ พบว่า มีการฉีดอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็น 53% ของประชาชนทั้งหมดในรัฐดังกล่าว ขณะที่มี 28% ได้รับการฉีดครบโดสแล้ว

รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจส่งทหาร 200 นาย พร้อมตั้งสิ่งกีดขวางเพื่อจำกัดการเดินทาง หรือการเคลื่อนย้ายในเมืองซิดนีย์ ซึ่งถูกใช้มาตรการปิดล็อกดาวน์เป็นสัปดาห์ที่ 8 อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ซิดนีย์ได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดรอบที่ 3 ของประเทศออสเตรเลียไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวเมืองซิดนีย์เตรียมชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการปิดล็อกดาวน์ในซิดนีย์สุดสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมเนื่องจากไม่พอใจต่อการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้ต้องมีการเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เป็นจำนวนมากถึง 1,000 นายเข้าควบคุมสถานการณ์การชุมนุมในวันเสาร์ที่ 21 สิงหาคมนี้

ด้านนักเศรษฐศาสตร์ในออสเตรเลีย ประเมินว่าการระบาดในรอบที่ 3 และมาตรการปิดล็อกดาวน์ยาวนานถึง 2 เดือนนั้น ทำให้เศรษฐกิจออสเตรเลียที่มีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 49 ล้านล้านบาท จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายปีผ่านมา

ทั้งนี้ การเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ทั่วประเทศอิสเตรเลียในประชากรวัย 16 ปีขึ้นไป ได้รับฉีดวัคซีนครบโดสเพียง 26% ท่ามกลางไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ