สวิสเซอร์แลนด์ติดโควิด-19 รายใหม่พุ่งทะลุกว่า 32,000 รายมากเป็นประวัติการณ์
กระทรวงสาธารณสุข สวิสเซอร์แลนด์ รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 6 มกราคม 2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานถึง 32,239 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายใหม่มากเป็นประวัติการณ์ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา ส่งผลให้จำนวนติดเชื้อสะสมเป็น 1,465,737 ราย อยู่อันดับที่ 34 ของโลก
สำหรับสถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์เดิมอยู่ที่ 17,634 ราย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 12 ราย รวมเสียชีวิตสะสมพุ่งสูงเป็น 12,411 ราย
สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงปัจจุบัน โดยมีอัตราการติดเชื้อพุ่งสูงถึง 35% จากสาเหตุของการแพร่ระบาดด้วยสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งในขณะนี้ได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในการระบาดไปแล้ว ด้วยสัดส่วน 77% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่กลายเป็นสายพันธุ์โอไมครอน นอกจากนี้ กลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ในขณะนี้เป็นกลุ่มคนวัยรุ่นระหว่าง 20-29 ปี
กระทรวงสาธารณสุข สวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าสายพันธุ์โอไมครอนจะมีภาวะการเจ็บป่วยที่รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่กลับมีความรุนแรงในการเจ็บป่วยมากกว่าสายพันธุ์อัลฟ่า ดังนั้น แนวโน้มจะพบผู้ป่วยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกับสายพันธุ์โอไมครอนจึงมีสูงต่อเนื่อง ขณะนี้อัตราการใช้เตียงไอซียูทั่วสวิสเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้นเป็น 55% และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ในช่วงหลังผ่านพ้นปีใหม่ 65
ด้านอัตราผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นมา อัตราดังกล่าวเพิ่มขึ้น 21% หากอัตราส่วนไม่เปลี่ยนแปลง หรือใกล้เคียงกัน จะทำให้ในสัปดาห์นี้มีอัตราส่วนเพิ่มขึ้นกว่า 30% เทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดดังกล่าว ซึ่งผ่านการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมากทั่วประเทศที่ต้องถูกกักพื้นที่ รวมถึงการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 โดยมีการรวมตัวกันของประชาชนชาวสวิสเซอร์แลนด์จำนวนมากเพื่อชุมนุมประท้วงมาตรการต่างๆที่ทำให้เกิดการปิดกั้นเสรีภาพในการใช้ชีวิตและการอยู่ร่วมในสังคม
ทั้งนี้ สวิสเซอร์แลนด์เป็น 1 ใน 63 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำที่ประเทศไทยประกาศอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลตรวจรับรอง สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
