สหพันธ์ขนส่งทางบกชี้ ตั้งแต่ คสช. ยึดอำนาจ ส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกยุคนี้ “รุนแรงที่สุด”

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริหารพรรคก้าวไกลได้มารับฟังข้อมูลปัญหาที่สหพันธ์ฯ ก่อนเลือกตั้งประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งส่วนตัวไม่คิดว่าจะนำข้อมูลนี้มาเปิดเผยต่อสาธารณชน พร้อมยืนยันว่า ปัญหาส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกมีมายาวนานกว่า 20 ปี

แต่นับตั้งแต่ยุค คสช. หรือการทำรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อพฤษภาคม 2558 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้มีความรุนแรงที่สุดกว่าทุกยุค เพราะหากจ่ายส่วยรายเดือน เดือนละ 25,000-27,000 จะสามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้แบบไม่จำกัด เช่น รถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกน้ำหนักได้ไม่เกิน 50.5 ตัน หรือ 50,500 กิโลกรัม ก็จะมีการบรรทุกมากเป็น 2 เท่า หรือกว่า 100 ตัน

จากการประเมินรถบบรรทุกที่ต้องจ่ายส่วยสติกเกอร์มีมากถึง 2 ใน 3 ของรถบรรทุกทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านคัน ขณะที่สมาชิกสหพันธ์ฯ สมาชิกกว่า 4 แสนคัน มีการทำเอ็มโอยูว่าจะไม่ทำผิดกฎหมาย จึงถูกเอาเปรียบจากผู้ที่จ่ายส่วย เพราะต้นทุนการขนส่งถูกกว่าเกือบครึ่ง หากปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ประกอบการที่ทำถูกกฎหมายจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ หากไม่เลิกกิจการ ก็จะต้องเข้าร่วมจ่ายส่วยด้วยเพื่อความอยู่รอด

ประธานสหพันธ์การขนส่งฯ กล่าวต่อไปว่า รูปแบบของการเก็บส่วย จะมีเอกชนที่เป็นตัวกลาง หรือโบรกเกอร์ ทำหน้าที่เก็บเงินจากผู้ประกอบการ ไปเคลียร์เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตนรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นใคร แต่ไม่สามารถเปิดเผยผ่านสื่อได้ หวั่นถูกฟ้องร้อง ขณะที่สติกเกอร์จะมีหลากหลายรูปแบบ เช่น กระต่าย นก พระอาทตย์ หรือ ตัวเลขต่างๆ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทุกเดือน เพื่ออัปเดตว่ารถคันนี้ จ่ายส่วยแล้วหรือไม่

ทั้งนี้ สำหรับวิธีสังเกตรถที่จ่ายส่วยแล้ว จะเห็นว่าจะมีการวิ่งขวา เพราะจะไม่ถูกตำรวจเรียกตรวจ โดยในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ สหพันธ์ฯ จะไปยื่นเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องส่วยสติกเกอร์ ที่พรรคก้าวไกล เพื่อให้หาทางแก้ไขต่อไป