สหรัฐพบติดโรคโควิด-19 พันธ์ุโอไมครอนเพิ่ม 7 รายใน 24 ชั่วโมงผ่านมา
วันนี้ 2 ธันวาคม 2564 (ตามเวลาในสหรัฐ) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC และผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค นางแคธี่ โฮชูล เปิดแถลงว่า ตรวจพบผู้เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 5 รายในรัฐนิวยอร์ก ถือเป็นการตรวจพบการติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวครั้งแรกของรัฐนิวยอร์ก ทั้ง 5 รายที่ติดเชื้อกลายพันธุ์ ดังนี้ 1 รายที่เมืองซัฟโฟล์ค(Suffolk) 1 รายที่ย่านบรูคลิน 1 รายที่เมืองนิวยอร์ค และ 2 รายที่เมืองควีนส์
ในช่วงหลายชั่วโมงก่อนที่รัฐนิวยอร์คจะประกาศพบผู้ติดเชื้อทั้ง 5 รายนั้น รัฐมินเนโซตา สหรัฐอเมริกา ประกาศพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรายที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นรายแรกในรัฐดังกล่าว เป็นผู้ชายชาวอเมริกันที่เดินทางกลับมาจากนิวยอร์คหลังจากไปร่วมงานแสดงแอนิเมชั่นที่จัดขึ้นในนิวยอร์คในช่วงวันที่ 19-21 พฤศจิกายน โดยจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการเจวิทส์ (Javits Center) ผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่มีประวัติเดินทางออกนอกประเทศมาก่อน นายบิลล์ เดอ แบลซิโอ ผู้ว่าการรัฐมินเนโซตา แถลงว่า อาจเป็นไปได้มากที่เกิดภาวะการแพร่ระบาดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนภายในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ผู้ติดเชื้อวัยผู้ใหญ่รายนี้ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และเข็มบูสเตอร์เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เริ่มมีอาการวันที่ 22 และตรวจพบเชื้อวันที่ 24 พฤศจิกายน
รัฐโคโลราโด้ สหรัฐอเมริกา ประกาศพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นรายที่ 3 ในสหรัฐอเมริกา และเป็นรายแรกในรัฐดังกล่าวเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อเป็นหญิงวัยผู้ใหญ่ซึ่งเดินทางกลับจากประเทศแอฟริกาใต้เมื่อเร็วๆนี้ ผู้ป่วยรายนี้มีอาการปานกลาง ทำการกักตัวที่บ้าน นอกจากนี้ เธอได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส และรอการฉีดเข็มบูสเตอร์แต่มาติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนก่อน
ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนคนแรกของสหราชอาณาจักร และคนแรกของรัฐแคลิฟอร์เนียที่เมืองซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ส่งผลให้กลายเป็นการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นรายที่ 2 ของอเมริกาเหนือ โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านไปประเทศแคนาดาซึ่งอยู่ในอเมริกาเหนือพบผู้ติดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของแคนาดา ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ 2 ธันวาคม (ตามเวลาสหรัฐอเมริกา) ยอดติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนสะสมเป็น 8 รายในสหรัฐอเมริกา
นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี่ หัวหน้าที่ปรึกษาการแพทย์ ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน รายแรกคนนี้ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 แล้ว เป็นผู้ชายมีอายุในช่วง 18 ถึง 49 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศแอฟริกาใต้มาถึงเมืองซาน ฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ใช้เวลาเชื้อฟักตัวใน 3 วันหลังเดินทางถึงสหรัฐอเมริกา
สำหรับผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนคนแรกในประเทศสหรัฐอเมริการายนี้ ได้ถูกกักตัวเองในบริเวณที่ปลอดภัย มีอาการป่วยปานกลาง รวมถึงกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดได้ถูกตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยพบผลตรวจเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อใดๆ
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย นายเกวิน นิวซอม เปิดเผยว่า จากการตรวจพบชาวอเมริกันติดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนคนแรกของรัฐแคลิฟอร์เนีย และของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ไม่มีเหตุผลที่ต้องตื่นตกใจกลัว แต่ชาวอเมริกันต้องตื่นตัวในการะมัดระวังตัว นั่นหมายถึง ต้องไปรับการฉีดวัคซีน รับการฉีดเข็มกระตุ้น สวมใส่หน้ากากอนามัยในที่กลางแจ้ง
นายเกวิน นิวซอม เปิดเผยต่อไปว่า ชายคนดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือครบโดส แต่ยังไม่ได้รับการฉีดเข็มที่สาม หรือเข็มบูสเตอร์ เนื่องจากยังไม่พ้น 6 เดือนจากวันที่ฉีดครบโดส ซึ่งการฉีดเข็มบูสเตอร์ในสหรัฐอเมริกานั้น ศูนย์ CDC กำหนดว่า ให้ฉีดเมื่อผ่าน 6 เดือนหลังจากวันที่ฉีดครบโดสสำหรับวัคซีนไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนใครที่ฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้ฉีดเข็มบูสเตอร์หลังผ่านไป 2 เดือนนับจากวันที่ฉีดครบโดส
ทั้งนี้ ศูนย์ CDC รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2564 (ตามเวลาในสหรัฐ) มีจำนวนผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 พุ่งขึ้น 104,873 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายวันมากกว่าวันละ 100,000 รายเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในรอบ 10 วันผ่านมา รวมติดเชื้อสะสมเป็น 49,677,859 ราย อยู่อันดับที่ 1 ของโลก และเป็นอันดับที่ 4 ในยุโรป ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตรายใหม่พุ่งขึ้น 1,091 ราย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 806,202 ราย ทำสถิติเสียชีวิตสะสมมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก
