สหรัฐฯส่งนาวิกโยธินเข้าตะวันออกกลาง 2,200 นาย

นายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า สหรัฐจะไม่ถอนทัพทหารที่ประจำการอยู่ในอิรักจำนวน 5,000 นาย ออกจากอิรักอย่างแน่นอน แม้รัฐสภาอิรักซึ่งมีสมาชิกเป็นชีอะห์เป็นส่วนใหญ่ ลงมติโหวตขับไล่กองทัพทหารสหรัฐออกจากอิรัก
.
โดยสหรัฐยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะถอนกำลังทหารออกจากกรุงแบกแดด รวมถึงไม่ได้มีแผนการ หรือการเตรียมตัวใดๆ เพื่อออกจากพื้นที่แห่งนี้
.
นอกจากนี้สหรัฐตัดสินใจส่งเรือ 3 ลำจาก Bataan Amphibious Readiness Group เข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย พร้อมด้วยนาวิกโยธิน 2,200 นาย และเฮลิคอปเตอร์จำนวนหนึ่ง หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐได้ประกาศส่งทหาร 3,500 นายเข้าไปยังตะวันออกกลางหลังมีปฏิบัติการปลิดชีพนายพลโซเลมานี
.
เพราะเชื่อว่าชาวอิรักยังคงสนับสนุนทหารสหรัฐให้ประจำการในประเทศต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐช่วยรักษาสันติภาพในอิรักมานาน 17 ปีแล้ว นับตั้งแต่การโค่นล้มซัดดัม ฮุสเซน
.
แต่ในช่วงก่อนหน้านี้มีการแชร์ภาพของร่างจดหมายราชการฉบับหนึ่งที่อ้างว่า เป็นหนังสือราชการที่ยังไม่ได้มีการลงนาม แจ้งแก่ฝ่ายอิรักว่าสหรัฐพร้อมถอนทหารออกจากอิรัก แต่ทางด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐโดย พลเอก มาร์ก เอ. มิลลีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วมของกองทัพสหรัฐแถลงยืนยันว่าจดหมายดังกล่าวเป็นจดหมายปลอม พร้อมยืนกรานว่าสหรัฐยังคงคงฐานทัพทหารในอิรักต่อไป และเพนตากอนไม่ได้เปิดเผยถึงที่มาของจดหมายดังกล่าว
.
ด้านสำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่านรายงานว่า ในวันนี้รัฐสภาอิหร่านได้ขึ้นทะเบียนแบล็กลิสต์ กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอน รวมถึงกองทัพสหรัฐ หรือ US Armed Forces ในฐานะองค์กรก่อการร้าย อันเป็นความคืบหน้าที่สภาอิหร่านเรียกประชุมฉุกเฉินหลังสหรัฐมีปฏิบัติการสังหารนายพลกัสซิม โซเลมานี
.
โดยรายงานจากสื่อท้องถิ่น https://www.irna.ir/ระบุว่า สมาชิกรัฐสภาอิหร่านได้อนุมัติการขึ้นสถานะ กองทัพสหรัฐรวมถึง บุคลากรในกระทรวงกลาโหม หน่วยงานภายใต้สังกัดเพนตากอน รวมถึงบรรดานายพลและนายทหารระดับผู้บัญชาการทั้งหมด เป็นสมาชิกขององค์กรก่อการร้าย