สหรัฐฯส่งหนังสือค้านแบนไกลโฟเซต

ภายหลังจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายแบบสารเคมี 3 ชนิด โดยมีเนื้อหาว่ากระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาได้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับไทยในการห้ามสารเคมีเกษตร 3 ชนิด
.
โดยระบุว่า การแบนสารไกลโฟเซต โดยไม่พิจารณาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการนำเข้าถั่วเหลืองและข้าวสาลีของไทย จึงหวังว่าประเทศไทยจะพิจารณาความกังวลนี้ เพราะไกลโฟเซตเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์กําจัดวัชพืชที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโลก
.
ที่สำคัญหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ หรือ EPA ได้ประเมินแล้วว่าไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ สอดคล้องกับความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานอื่น จึงขอให้ชะลอการตัดสินใจเกี่ยวกับไกลโฟเซต โดยคาดการณ์หากมีการห้ามใช้ เกษตรกรไทยจะต้องเผชิญกับต้นทุนสารเคมีทดแทนที่สูงขึ้น หากไม่พบสารเคมีทดแทนที่เหมาะสม และทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นและจะมีผลกระทบต่อการนำเข้าคือ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี กาแฟ แอปเปิ้ลและองุ่น รวมไปถึงผลกระทบที่ตามมาของผู้ผลิตอาหาร
.
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้
.
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา ลงนามตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีการประชุมพิจารณาแบนสารเคมีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมมีการออกหนังสือล่วงหน้ามาถึง 11 วัน กรณีนี้ถือว่าเป็นการกดดันหรือไม่
.
ส่วนที่บอกว่าจะมีปัญหาเรื่องการนำเข้าคงไปว่าเขาไม่ได้ เพราะสหรัฐฯห่วงเรื่องกระเป๋าเงินของเขา ไม่ได้ห่วงสุขภาพของคนไทย เพราะฉะนั้นไทยต้องมีมาตรการ ถ้ากังวลว่าจะมีสารตกค้างก็ต้องมาพิสูจน์ว่าจะนำเข้ามาโดยไม่มีสารตกค้าง แต่นี่กลัวขายของไม่ได้เลยมาบอกให้รัฐบาลยกเลิกการห้ามสารพิษเพื่อให้ใช้ได้ แล้วเราจะยอมหรือไม่