สั่งกรมทรัพย์สินฯเร่งแก้ปัญหาตบทรัพย์

782
0
Share:

จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางโซเชียลมีเดีย ว่ามีเด็กหญิงวัย 15 ปี หารายได้เสริมโดยการทำกระทงประดิษฐ์ขาย แต่โดนตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ จ.นครราชสีมา พร้อมเรียกเงิน 50,000 บาท ก่อนที่จะมีการตกลงยอมความกันที่ 5,000 บาท หลังจากมีการสั่งทำกระทงรูปการ์ตูน
.
ซึ่งในเรื่องนี้นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ ร่วมหารือถึงกรณีดังกล่าว เพื่อหาแนวทางป้องกันร่วมกัน อาทิ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ // บริษัท เวอริเซ็ค จำกัด บริษัท แอนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด และบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด
.
เพื่อกำชับถึงแนวทางปฏิบัติของผู้รับมอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจช่วง ให้ดำเนินการตามกระบวนการ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย คำนึงถึงความเป็นธรรม และมอบอำนาจแก่บุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม มีความรู้ด้านกฎหมาย และไม่มีประวัติหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเรียกรับผลประโยชน์จากผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม
.
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ชี้แจงว่า กรณีการทำกระทงรูปการ์ตูนขายแล้วถูกจับกุมอาจมาจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเห็นว่าเรื่องลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นข่าว ประกอบกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกา จะพบว่าคนที่โทรสั่งให้ทำกระทงรูปการ์ตูน อาจเป็นผู้ที่มีส่วนในการกระทำความผิดด้วย โดยการล่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีสิทธิที่จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษผู้อื่น เพราะไม่ถือว่าเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย อีกทั้งพยานหลักฐานที่ได้มาจากการล่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดอาจถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
.
ดังนั้นหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นอีก ขอแนะคำให้ผู้ที่ถูกจับกุมใช้สิทธิตามกฎหมาย โดยเฉพาะสิทธิที่จะมีทนายความ และหากผู้ที่ถูกจับกุมเป็นเด็กหรือเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี สามารถร้องขอให้มีสหวิชาชีพร่วมฟังการสอบสวนได้ และในส่วนของตัวแทนเจ้าของลิขสิทธิ์ควรดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง
.
พร้อมขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งการตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจของเจ้าของลิขสิทธิ์ เพื่อไม่ให้บุคคลบางกลุ่มที่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์ในเรื่องนี้ อาศัยการจับกุมหรือการควบคุมตัวมาใช้เป็นข้อต่อรองให้ได้รับค่ายอมความอย่างไม่เป็นธรรม