สั่งปลดรอบ 3 พนักงานช้อปปี้-อีคอมเมิร์ซอีก 100 คน ซีปลด 7,000 คนใน 6 เดือนผ่าน

274
0
Share:
สั่ง ปลดพนักงาน รอบ 3 พนักงาน ช้อปปี้ - อีคอมเมิร์ซอีก 100 คน ซีปลด 7,000 คนใน 6 เดือนผ่าน

ซี หรือ Sea ซี บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในธุรกิจอินเตอร์เน็ตของอาเซียน และเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซชื่อดัง มีชื่อว่าช้อปปี้ หรือ Shopee เปิดเผยว่า ได้ปลดพนักงานสายงานอีคอมเมิร์ซ และช้อปปี้ (Shopee) รวมเป็นจำนวน 100 คน ซึ่งพนักงานที่เข้าข่ายถูกปลดในรอบใหม่นี้จำนวน 100 คน ได้รับแจ้งทางอีเมลเมื่อคืนผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย นับเป็นการปลดพนักงานรอบที่ 3 เกิดขึ้น

สำหรับสายงานที่พนักงานจะต้องถูกปลดออกในรอบล่าสุด ได้แก่ สายงานทรัพยากรบุคคล สายงานบริหารงานสัมพันธ์พนักงาน สายงานฝึกอบรมพนักงานและด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับบริหารทรัพยากรบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในสิงคโปร์ และจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งสังกัดกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซช้อปปี้ และกลุ่มธุรกิจซีมันนี ที่กำกับดูแลระบบการชำระเงินออนไลน์ขอสินค้าช้อปปี้ ที่เรียกว่า ช้อปปี้เพย์

การตัดลดและควบคุมค่าใช้จ่ายของซี หรือ Sea ซี บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสิงคโปร์เกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ปลดพนักงานรวมกันทั้งสิ้น 7,000 คน หรือคิดเป็น 10% ของพนักงานทั้งหมดภายใน 6 เดือนผ่านมา จากข้อมูลสิ้นสุดปี 2021 พบว่าซีมีพนักงานรวมกันทั้งสิ้นกว่า 67,000 คน

ธุรกิจเกมออนไลน์ และอีคอมเมิร์ซหรือค้าปลีกออนไลน์ของกลุ่มบริษัทซี ได้สูญเสียมูลค่าไปมากถึงเกือบ 90% นับตั้งแต่มูลค่าบริษัทซีพุ่งขึ้นสูงสุดในปีผ่านมา ซึ่งธุรกิจได้รับผลกระทบจากหลากหลายปัจจัยลบรุนแรง เช่น ภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง ภาวะดอกเบี้ยพุ่งสูงต่อเนื่อง มาตรการคุมเข้มงวดในธุรกิจเกมออนไลน์ของรัฐบาลจีน และการแข่งขันที่รุนแรงอย่างมากในธุรกิจประเภทเดียวกัน

กลุ่มบริษัทซีเตรียมที่จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ในวันนี้ตามเวลาสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะมีผลประกอบการขาดทุนพุ่งสูงขึ้นอีก โดยเฉพาะรายได้ที่จะเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ มูลค่าบริษัทซี หรือ Sea ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของช้อปปี้ ธุรกิจเกมออนไลน์ ธุรกิจบริการการเงินออนไลน์ เคยเพิ่มสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 7.4 ล้านล้านบาทในเดือนตุลาคมปี 2564 แต่ในปัจจุบันพบว่ามูลค่าบริษัทซีตกต่ำลงมาเหลือเพียง 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 999,000 ล้านบาท หรือเสียหายไปถึง -86.5% หรือกว่า 170,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 6.4 ล้านล้านบาท