สั่งห้ามตำรวจ – เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตฯ –ส.ส.-กมธ. งดเดินทางไปประเทศเสี่ยง

894
0
Share:

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ออกหนังสือด่วนถึงตำรวจในสังกัด เรื่องในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่แออัด พื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น หมั่นล้างมือด้วยสขู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ, หลีกเลี่ยงหรืองดการเดินทางไปต่างประเทศ
.
กรณีหากจำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศที่เสี่ยงต่อการระบาดของโรคฯ ขอให้เตรียมความพร้อมป้องกันตนเอง เช่น เตรียมเจลแอลคอลฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย และศึกษาคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
.
โดยระหว่างการเดินทางขอให้ระมัดระวังตนเองเป็นพิเศษ หากมีอาการผิดปกติ ให้ประสานขอความช่วยเหลือกับสถานทูตในประเทศนั้นๆ และเมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว เพื่อความปลอดภัยต่อส่วนรวม ผู้เดินทางควรเฝ้าระวังอาการของตนเองในพื้นที่อาศัย เป็นเวลา 14 วัน หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไข้ ไอ จาม หายใจเหนื่อยหอบ ให้ไปพบแพทย์โดยทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการับการรักษาต่อไป
.
ด้านนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสั่งการส่วนราชการและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เจ้าหน้าที่งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังหรือแวะผ่าน ประเทศจีน //ไต้หวัน// ฮ่องกง//มาเก๊า //เกาหลีใต้// ญี่ปุ่น //มาเลเซีย //เวียดนาม //สิงค์โปร์ //เยอรมัน //อิตาลี และอิหร่าน รวมทั้งประเทศ ที่อาจมีความเสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารณสุขจะประกาศในอนาคต ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.ถึงวันที่ 26 เม.ย. 2563 หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
.
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง และไม่สามารถงดหรือเลื่อนการเดินทางไปยังประเทศหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยหรือติดเชื้อ และเฝ้าระวังต่อเนื่องจนครบ 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว
.
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้แจ้งต่อที่ประชุมหลังจากแล้วเสร็จการลงมติในญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า ขอให้ส.ส. และกรรมาธิการ (กมธ.) งดเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อป้องกันตามมาตรการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19