สาธารณรัฐสโลวักล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ติดโควิดรายใหม่กว่า 10,000 รายมากเป็นประวัติการณ์

408
0
Share:

นายกรัฐมนตรีประเทศสาธารณรัฐสโลวัก แถลงคำสั่งมาตรการปิดล็อกดาวน์เต็มรูปแบบทั่วประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันพุธที่ 24 พฤศจิกายนไปเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบครั้งนี้ใช้กับทั้งประชาชนที่ฉีด และยังไม่ได้ฉีดวัคซีน สาเหตุจากสาธารณรัฐสโลวักเผชิญอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สูงที่สุดในโลก สอดรับกับจำนวนผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ในโรงพยาบาลพุ่งสูงถึงระดับวิกฤตทั้งประเทศ ในขณะที่รัฐบาลประสบความยากลำบากในการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำมาก

ประชาชนชาวสโลวักสามารถออกจากบ้านพักที่อยู่อาศัยในกรณีจำเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น เช่น ไปพบแพทย์ ไปรับการฉีดวัคซีน ไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเท่านั้น ให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านเท่านั้น อนุญาตให้เดินเล่นพร้อมจูงสุนัขภายในรัศมี 500 เมตรเท่านั้น ปิดโรงเรียน เป็นต้น

วันนี้ 25 พฤศจิกายน 2564 กระทรวงสาธารณสุข ประเทศสาธารณรัฐสโลวัก เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาเพิ่มสูงครั้งใหม่ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 24 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้น 10,315 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา ที่สำคัญยังทำสถิติติดเชื้อรายวันเกินกว่าวันละ 10,000 รายขึ้นไปเป็นวันแรก ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมเป็น 631,738 ราย มาอยู่อันดับที่ 53 ของโลก ในขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 71 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 14,056 ราย

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่างว่า อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วง 7 วันติดต่อกันเฉลี่ยพุ่งขึ้นเป็น 13,080 รายต่อจำนวนประชากร 1 ล้านคน ส่งผลให้ประเทศสาธารณรัฐสโลวักที่สีประชากรทั้งประเทศเพียงกว่า 5.5 ล้านคน ตกอยู่ในสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และของโลก ด้านการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ถึงวันที่ 24 พฤศจิกายน พบว่า มีการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ครอบคลุมเพียง 45.7% ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำมาก ส่วนการฉีดวัคซีนครบโดสครอบคลุมเพียง 52.9% ของประชาชนทั้งประเทศ

ทั้งนี้ สาธารณรัฐสโลวักเป็น 1 ใน 63 ประเทศกลุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทยประกาศอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลตรวจรับรอง สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป