สายหุ้นโดน! ลูกค้า-นักลงทุนหุ้นกว่า 5,300 คนเสียหายจากโบรกเกอร์ฉาวเอเชีย เวลท์
นายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการสายบังคับใช้กฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากกรณีการให้บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด (บล.เอเชีย เวลท์) ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ หรือ NC ได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีเงินกองทุนต่ำกว่า 0 ติดต่อกันเกิน 5 วันทำการ จึงต้องระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท และโอนทรัพย์สินลูกค้าไปยังผู้ประกอบการรายอื่นนั้น ในเบื้องต้นสำนักงาน ก.ล.ต.คาดว่าจะมีลูกค้าประมาณ 5,300 ราย ที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่ามีทรัพย์สินที่ลูกค้าฝากไว้ประมาณ 300 ล้านบาท ที่จะต้องโอนย้าย
ขณะที่ นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสายระดมทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ NC ของ บล.เอเชีย เวลท์ ที่เกิดจากธุกรรมการซื้อขายหุ้น MORE โดยลูกค้าทำธุรกรรมฝั่งซื้อและผิดนัดชำระเงินกับบริษัท ทำให้บริษัทสินทรัพย์สภาพคล่องของบริษัทไปชำระแทนจึงเกิดปัญหา NC โดยความคืบหน้าล่าสุดทาง บล.เอเชีย เวลท์ ได้แจ้งว่า บริษัทได้นำเงินของลูกค้ามาคืนครบถ้วนแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ต้องมาตรวจสอบว่าเป็นไปตามที่แจ้งหรือไม่ต่อไป
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาบริษัทต้องดำเนินการ 2 ส่วน คือ การโอนทรัพย์สินลูกค้าออกไปยังบริษัทอื่น และแก้ไขปัญหาสถานะ NC ที่มีปัญหาอยู่ โดยขั้นตอนที่บริษัทต้องดำเนินการหลังจากนี้ คือ การดำเนินการย้ายทรัพย์สินลูกค้าไปยังบริษัทหลักทรัพย์อื่นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ หลังจากนั้นบริษัทต้องจัดทำแผนการแก้ไข NC เพื่อเสนอกับทาง ก.ล.ต. มีปัญหาภาย 30 วัน หรือภายในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ และบริษัทต้องทำการแก้ไขฐานะภายใน 90 วันนับจากวันที่แผนการอนุมัติ
ก.ล.ต. เปิดเผยต่อไปว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา NC มีหลายรูปแบบ ทั้งการเพิ่มทุนใส่เข้ามาในบริษัท หรือการจำหน่ายทรัพย์พอร์ตลงทุนของบริษัท รวมถึงการออกหุ้นกู้ หรือหนี้ด้อยสิทธิต่างๆ ขึ้นอยู่กับบริษัทว่ามีแนวทางแบบไหน หากทำได้ตามข้อกำหนด ก.ล.ต.ต้องเข้าไปตรวจสอบความพร้อมต่างๆ ว่าบริษัทมีความพร้อมแค่ไหนที่จะกลับมาประกอบธุรกิจ เหมือนกับบริษัทที่จะเริ่มประกอบธุรกิจใหม่อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมบริษัทหลักทรัพย์ในภาพรวม ในด้านฐานะของ NC นั้นสำนักงาน ก.ล.ต.ได้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีการจัดทำแบบจำลองต่างๆ ยังไม่พบข้อมูลบ่งชี้ว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ จะเข้ามาซ้ำเติม
