สิงคโปร์ผ่อนคุมโควิด-19 ไม่บังคับใส่หน้ากาก ไปต่างประเทศได้ พร้อมเข้มถ้ายอดหวนพุ่ง

320
0
Share:

นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายหลี เซียนลุง แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์ทั่วประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ว่า การระบาดของเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนลดลงในระดับที่สามารถควบคุมได้ ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ที่มีอาการป่วยเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาลจะมีจำนวนมาก แต่ไม่ได้กระทบระบบสาธารณสุข หรือความสามารถในการให้บริการของโรงพยาบาล

รัฐบาลสิงคโปร์จึงเดินหน้ากับมาตรการอยู่ร่วมโรคระบาดโควิด-19 ด้วยการประกาศปรับลดระดับความเข้มข้นของมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม เป็นต้นไป ได้แก่ การสวมใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นทางเลือกสำหรับประชาชน การรวมตัวกันในที่สถานที่สาธารณะให้เพิ่มขึ้นเป็น 10 คนจากเดิมจำกัดไม่เกิน 2 คน ซึ่งเป็นการผ่อนคลายให้รวมตัวกันได้ถึง 2 เท่าจากเดิม การรักษาระยะห่างให้ลดเหลือเพียง 1 เมตร ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยก็ตาม

การควบคุมการเดินทางผ่านพรมแดนเข้า-ออก และการเดินทางในประเทศสิงคโปร์นั้น รัฐบาลจะลดขั้นตอนการตรวจหาเชื้อ และลดระยะเวลาการกักตัว ที่สำคัญ จะอนุญาตให้ประชาชนชาวสิงคโปร์สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้สะดวกขึ้น นอกจากนี้ ผู้เดินทางทางพื้นดิน หรือบนบก ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ครบโดสแล้ว ไม่ต้องผ่านการตรวจหาเชื้อเมื่อไปถึงจุดหมายปลายทางต่างๆในประเทศสิงคโปร์ รวมถึงไม่ต้องตรวจหาเชื้อก่อนออกเดินทางด้วย

สำหรับผู้เดินทางทางทะเล และอากาศนั้น ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตเดินทางเข้าสิงคโปร์ด้วยโครงการช่องทางผู้เดินทางด้วยวัคซีน หรือ Vaccinated Travel Lane (VTL) อีกต่อไป ยกเลิกเที่ยวบิน หรือเที่ยวเดินเรือตามโครงการ VTL ส่งผลให้ผู้ได้รับวัคซีนครบโดสเท่านั้น สามารถเดินทางด้วยเที่ยวบิน หรือเที่ยวเดินเรืออย่างอิสระเข้าสิงคโปร์ โดยเมื่อถึงสิงคโปร์ไม่ต้องรับการกักตัว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ผู้ได้รับวัคซีนครบโดสที่เดินทางทางเรือ และทางอากาศถึงสิงคโปร์ ยังคงต้องแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทางถึงสิงคโปร์

มาตรการทำงานจากที่พักอาศัย ซึ่งกำหนดไว้ที่ 75% ของพนักงานทั้งหมด ให้ผ่อนคลายด้วยการอนุญาตให้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศได้ การจัดงานกิจกรรมต่างๆ สามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมงานขึ้นเป็น 1,000 คน