ส่งออกถอย! เศรษฐกิจโลกถดถอยฉุดส่งออกไทยปี 66 โตไม่ถึง 3% เดือนสิงหาคมส่งออกขยายตัว

259
0
Share:
ส่งออกถอย! เศรษฐกิจโลก ถดถอยฉุด ส่งออกไทย ปี 66 โตไม่ถึง 3% เดือนสิงหาคมส่งออกขยายตัว

ศูนย์วิจัยไทยพณิชย์ หรือ EIC เปิดเผยว่า ได้คาดการณ์การส่งออกไทยขยายตัวต่ำที่ 2.5% ในปี 2023 จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สาเหตุจาก แม้การส่งออกไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัวได้ดี แต่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงชัดเจนในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม โดย EIC ประเมินว่าการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2022 และปี 2023 จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะตลาดจีนที่เผชิญแรงกดดันหลายทาง ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ เช่น นโยบาย Zero-covid ที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ความเปราะบางในภาคอสังหาริมทรัพย์ ภัยแล้ง รวมถึงอุปสงค์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อีกทั้ง ตลาดสหรัฐฯ และยุโรปที่เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อสูงและนโยบายการเงินตึงตัวแรง

อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่ผันผวนและมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าที่ประเมินไว้เดิม อาจเป็นแรงสนับสนุนให้การส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ชะลอตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้น EIC จึงปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์มูลค่าการส่งออกไทย (ในระบบดุลการชำระเงิน) ของปี 2022 เป็น 6.3% (จากเดิมที่ประเมินไว้ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ 5.8%)

สำหรับปี 2023 EIC คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 2.5% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเงินเฟ้อโลกสูง ซึ่งมีส่วนกดดันกำลังซื้อและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าหลักของไทย อย่างไรก็ดี EIC ประเมินว่าการขยายตัวของส่งออกไทยในปี 2023 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก ในขณะที่ปัจจัยด้านปริมาณจะหดตัวลงจากผลกระทบเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยเดือนสิงหาคม 2022 อยู่ที่ 23,632 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เร่งตัวขึ้นจาก 4.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 แต่เป็นการขยายตัวเร่งขึ้นจากปัจจัยฐานต่ำเป็นสำคัญ สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกหักทองคำในเดือนนี้ ที่ขยายตัว 7.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนที่ 4.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหากพิจารณาการส่งออกเดือนสิงหาคมเทียบกับเดือนกรกฎาคม (แบบปรับฤดูกาล) พบว่า หดตัวที่ -4.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ ในภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 ขยายตัวได้ดีที่ 11% และ 9.4% หากไม่รวมทองคำ

ภาพรวมการส่งออกรายสินค้าพบว่า (1) สินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่องที่ -10.3% หรือ -12.4% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ โดยสินค้าหลักที่หดตัวในเดือนนี้ยังคงเป็นการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งไปจีน ขณะที่ไก่แปรรูป ไก่สดแช่เย็น-แช่แข็ง และข้าวยังเป็นสินค้าสนับสนุนสำคัญ ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าการส่งออกข้าวของไทยจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายการควบคุมการส่งออกข้าวของอินเดียและเงินบาทอ่อนค่า แต่ปริมาณการเพาะปลูกอาจมีความเสี่ยงจากอุทกภัยในประเทศจากปริมาณน้ำฝนที่มากและพื้นที่เพราะปลูกที่เริ่มได้รับผลกระทบ

(2) สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร แม้ขยายตัวได้ถึง 27.6% แต่กลับหดตัว -5.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ โดยสินค้าที่เป็นปัจจัยหนุนสำคัญในเดือนนี้ ได้แก่ น้ำตาลทราย อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง (3) สินค้าอุตสาหกรรม แม้ขยายตัวได้ 9.2% แต่หดตัว -2.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ โดยในเดือนนี้มีสินค้าหนุนสำคัญหลายประการ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบที่ได้รับอานิสงส์จากปัญหาคลื่นความร้อนสูงในหลายภูมิภาค แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ (หักทอง) เป็นต้น ขณะที่สินค้าอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์หดตัว

และ (4) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือนที่ -9.7% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ หรือคิดเป็น -27.1% จากราคาน้ำมันโลกและค่าการกลั่นที่ปรับลดลงหลังผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว

EIC เปิดว่า การส่งออกรายตลาดมีสัญญาณชะลอตัวมากขึ้น โดย (1) มูลค่าการส่งออกไปจีนหดตัว -20.1% ในเดือนนี้ นับเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อีกทั้ง ยังหดตัว -3.5% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับข้อมูลการนำเข้ารวมของจีนในเดือนสิงหาคมที่ทรงตัว 0.3% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.1% (Bloomberg consensus) โดยมูลค่าการนำเข้าของจีนจากไทยที่หดตัวสูงสุดในรอบ 31 เดือนที่ -21.3% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 50 อีกครั้ง โดยสินค้าฉุดการส่งออกไปจีนที่สำคัญในเดือนนี้ เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ

(2) การส่งออกไปฮ่องกง แม้จะหดตัว -18.1% แต่ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ -31.3% (3) การส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรป (EU28) แต่ในภาพรวมยังถือว่าเป็นกลุ่มภูมิภาคที่มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสูง และการส่งออกอาจชะลอลงในระยะถัดไป (4) การส่งออกไป CLMV และ ASEAN5 แม้ยังขยายตัวได้ดีที่ 41.1% และ 5.8% ตามลำดับแต่หดตัว -0.6% เทียบเดือนก่อนหน้านี้ และ -7.9% เทียบเดือนก่อนหน้านี้ ตามลำดับ โดยสรุปถึงแม้ภาพรวมการส่งออกรายตลาดจะขยายตัวได้ในหลายตลาดสำคัญ แต่หากพิจารณาปัจจัยฐานด้วยแล้ว กลับพบสัญญาณการชะลอตัวของการส่งออกที่ชัดเจนมากขึ้น