ส.อ.ท. ชี้ส่งออกชะลอตัว เศรษฐกิจฟื้นช้า กดดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมต่ำสุดในรอบ 1 ปี

221
0
Share:
ส.อ.ท. ชี้ ส่งออก ชะลอตัว เศรษฐกิจฟื้นช้า กด ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ต่ำสุดในรอบ 1 ปี

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ส.ค.66 อยู่ที่ระดับ 91.3 ปรับตัวลดลง จาก 92.3 ในเดือน ก.ค. 66 ปรับตัวลงดิดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และต่ำสุดในรอบ 1 ปี เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ พบว่าปรับตัวลดลงเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งดัชนีฯ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ

โดยเป็นผลมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมลดลง ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพอากาศที่แปรปรวนจากผลกระทบปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรและรายได้ของเกษตรกรลดลง กดดันกำลังซื้อในส่วนภูมิภาค นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใตัรัฐบาลผสม อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยสนันสนุนการบริโภคในประเทศ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.5 ปรับตัวลดลง จาก 100.2 ในเดือน ก.ค. 66 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและไม่แน่นอนกระทบต่อภาคส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปี 66 รวมถึงอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังกังวลนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อตันทุนการผลิต อาทิ การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และนโยบายด้านพลังงาน

ทั้งนี้ผู็ประกอบการภาคอุตสาหกรรมได้เสนอภาครัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ทดแทนอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอตัว อาทิ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มาตรการเพิ่มกำลังซื้อ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เป็นตัน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การปรับโดรงสร้างหนี้ การลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมันและก๊าซ การสนับสนุนสินค้า SMEs เป็นตัน

นอกจากนี้ยังอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ต่อปี รวมถึงกำกับดูแลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ (Spread) ให้ส่วนต่างลดลง เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ ตลอดจนเร่งรัดโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แล้ว ให้ดำเนินการลงทุนตามที่ได้รับอนุมัติ และจัดกิจกรรม Roadshow เชิงรุกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจที่ย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน