หนี้ครบสูตร! หนี้ข้าราชการกระทรวงเดียวพุ่งรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ติดหนี้ครบครัน

วันนี้ 12 ธันวาคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า การสำรวจหนี้ของข้าราชการในกระทรวงพม. พบว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงมีประมาณ 11,000 คน ได้ทำการสำรวจทั้งหมด 3,300 คน คิดเป็น 30% ในจำนวนนี้เกือบ 90% เป็นหนี้ และมูลค่าหนี้ส่วนใหญ่มีไม่เกิน 1 ล้านบาท

ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งมีจำนวนเท่าๆ กัน ที่สำคัญ คือ ส่วนใหญ่ไม่แน่ใจว่าจะจัดการปัญหาหนี้อย่างไร ปัญหาสำคัญคือ เงินเดือนที่ได้มานั้นไม่เพียงพอกับการจ่ายหนี้ที่มีอยู่ ขณะนี้มูลค่าหนี้ที่มีอยู่คาดว่ามีอยู่ราว 3,000 ล้านบาท และเฉลี่ยหนี้สินอยู่ที่ประมาณคนละกว่า 900,000 บาท เมื่อได้ภาพรวมทั้งหมดแล้วก็จะเจรจากับสถาบันการเงินในการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งการลดเงินต้นและดอกเบี้ย คาดว่าหลังปีใหม่จะได้ข้อมูลครบถ้วน

ขณะที่สภาพข้าราชการครูติดหนี้สินก็อยู่ในความสนใจอย่างมาก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ผ่านมา นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา กล่าวว่า ทุกวันนี้ ครู ในประเทศไทยมีหนี้สินในระบบกว่า 1.4 ล้านล้านบาท รัฐบาลได้เชิญกระทรวงศึกษาธิการเข้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินในภาพรวม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินครูจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอให้รัฐบาล ปีะกอบด้วยข้อมูลเชิงลึกมีทั้งตัวเลข จำนวนหนี้ มูลหนี้ทั้งหมด และหนี้วิกฤตว่ามีทั้งหมดกี่ราย ถือได้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลไม่ได้ทิ้งให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเรื่องนี้ตามลำพัง

กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีครูจำนวนมากกว่า 900,000 คนอยู่ทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ มีมากกว่า 80% หรือกว่า 720,000 คน มีหนี้สินรวมกันกว่า 1.4 ล้านล้านบาท สำหรับเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของครู ได้แก่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมีมูลค่า 890,000 ล้านบาท หรือราว 64% ของยอดหนี้ทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ 5.64%

เจ้าหนี้ครูอันดับ 2 คือ ธนาคารออมสิน มีมูลค่าหนี้ 349,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% มีการคิดอัตราดอกเบี้ย 6.9% อันดับ 3 ธนาคารกรุงไทยมีมูลค่าหนี้ 63,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% มีการคิดอัตราดอกเบี้ย 7.12% และสุดท้ายธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีมูลค่าหนี้ 61,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% มีการคิดอัตราดอกเบี้ย 6.4%