หนี้สินครัวเรือนไทยพุ่ง 13 ล้านล้านบาท

สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยว่า ภาวะสังคมไทยไตรมาส 2 ปีนี้ หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1 โดยมีหนี้สินครัวเรือนเท่ากับ 13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 6.3% และคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP เท่ากับ 78.7% สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส หรือกว่า 2 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2560 โดยหนี้ครัวเรือนได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปี 2560 เป็นต้นมา
.
สำหรับไตรมาส 2 แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้สินครัวเรือนยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เพื่อการอุปโภค บริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นในระดับสูง 9.2% โดยยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 11.3% สูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2558
.
ส่วนยอดคงค้างสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และรถยนต์ขยายตัว 7.8% และ 10.2%ตามลำดับ จาก 9.1% และ 11.4%ในไตรมาสก่อน
.
ขณะที่ยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL เพื่อการอุปโภคบริโภคในไตรมาส 2 ปีนี้ มีมูลค่าประมาณ 127,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 2.74% ต่อสินเชื่อรวม ส่วนยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสินเชื่อรถยนต์และบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 32.3% และ 12.5%
.
สำหรับแนวโน้มหนี้สินครัวเรือนในช่วงครึ่งหลังปี 2562 คาดว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะชะลอตัวลง จากครึ่งปีแรกเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยกู้ แต่ด้านคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะด้อยคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากในช่วงก่อนมีมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ธนาคารพาณิชย์มีการแข่งขันปล่อยสินเชื่อในลักษณะที่ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การอนุมัติ รวมถึงมีการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในวงเงินสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงทำให้ผู้กู้ได้เงินสดกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น