หมอเฉลิมชัยชี้พันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย 2 อาจเเพร่ได้เร็วมากกว่าสายพันธุ์เดิม

434
0
Share:
โควิด
นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า…ความรู้เรื่องCOVID-19 (ตอนที่1099) 24 มค2565
เหนื่อยใจจริง ไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) ทำท่าจะแพร่เร็วกว่าสายพันธุ์หลักเดิม (BA.1)
ในขณะที่หลายประเทศในทวีปยุโรปประสบกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วกว้างขวางของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่ 1 (BA.1) จนเข้าสู่พีคของการระบาดในระลอกใหม่อย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อวันละนับ 100,000 ราย โดยที่มีผู้ป่วยหนักจำนวนไม่มากนักเมื่อคิดเป็นร้อยละเทียบกับเดลต้า แต่ถ้าคิดเป็นรายบุคคลหรือรายเตียงก็เป็นภาระกับระบบสุขภาพมากพอสมควร
ขณะนี้รัฐบาลบางประเทศเชื่อว่า โควิดโดยโอมิครอนได้ผ่านพีคแล้ว และกำลังวางแผนจะผ่อนคลายมาตรการต่างๆลง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป
ในวงการวิทยาศาสตร์ของยุโรปกำลังไม่แน่ใจในแนวทางดังกล่าว เพราะเริ่มพบข้อมูลบางอย่างของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ 2 ที่เรียกว่าสายพันธุ์ล่องหน (Stealth) ทำท่าจะแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่ 1 โดยขณะนี้พบไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่ 2 แล้วใน 40 ประเทศ และพบอย่างชัดเจนในประเทศเดนมาร์กและอังกฤษ UKHSA : UK Health Security Agency หน่วยงานทางด้านสาธารณสุขของอังกฤษ ได้จัดให้ไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่ 2 (BA.2) เป็น VUI : Variant Under Investigation เรียบร้อยแล้ว
สายพันธุ์ย่อยที่ 2 นี้ พบเมื่อ 6 ธันวาคม 2564 โดยจุดที่แตกต่างกับสายพันธุ์ย่อยที่ 1 คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ตำแหน่ง 69 และ 70 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้การตรวจ PCR สงสัยทันทีว่าจะเป็นไวรัสโอมิครอน และนำไปสู่การถอดรหัสจีโนมเพื่อยืนยันได้ เมื่อการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งดังกล่าวไม่พบในสายพันธุ์ย่อยที่ 2 การตรวจ PCR ก็จะไม่สงสัยว่าเป็นโอมิครอน จึงเรียกว่าสายพันธุ์ล่องหน คือตรวจได้ยากขึ้น ไวรัสโคโรนาซึ่งก่อโรคโควิด จะมีวิวัฒนาการและการกลายพันธุ์ไปเรื่อยเรื่อย เนื่องจากเป็นไวรัสสายพันธุ์เดี่ยว มนุษย์จึงต้องติดตามรายละเอียดเรื่องต่างๆอยู่ตลอดเวลา
ไวรัสโอมิครอน (Omicron) หรือ B. 1. 1.529 ขณะนี้ค้นพบ 3 สายพันธุ์ย่อยได้แก่ BA.1 , BA.2 , BA.3 โดยสายพันธุ์ย่อย BA.1 เป็นสายพันธุ์หลักในขณะนี้ เพราะมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็วที่สุด ได้เกิดการระบาดไปแล้วกว่า 160 ประเทศทั่วโลก อย่างไรก็ตามในขณะนี้ เริ่มพบว่ามีบางประเทศพบ BA.2 แพร่ระบาดเร็วกว่า BA.1 เช่นในประเทศเดนมาร์กเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ติดโควิดเป็นสายพันธุ์ BA.2 ตามมาด้วยประเทศอังกฤษ นอร์เวย์ และสวีเดน
แต่อย่างไรก็ตามในสายพันธุ์ย่อยที่สอง BA.2 ซึ่งทำท่าจะแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง BA.1 ก็พบว่าทำให้อัตราการนอนโรงพยาบาลไม่แตกต่างกัน หรือความรุนแรงในการก่อโรคไม่ได้เพิ่มขึ้น
ส่วนการดื้อต่อวัคซีนจะเป็นอย่างไรจะต้องติดตามกันต่อไป ถ้าสายพันธุ์ BA.2 แพร่เร็วกว่าจริง ก็จะเกิดการระบาดกลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนสายพันธุ์ BA.1 แต่ยังคงเป็นไวรัส Omicron อยู่ ในกรณีที่โชคดี สายพันธุ์ BA.2 มีความรุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเท่าเดิม ทุกอย่างก็จะเป็นในลักษณะของ Omicron ในปัจจุบัน
แต่ถ้าโชคไม่ดี สายพันธุ์ BA.2 มีความรุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ก็จะกลายเป็นสถานการณ์ที่มีการระบาด ที่นอกจากจะกว้างขวางรวดเร็วแล้ว ยังจะมีการเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือการดื้อต่อวัคซีนเกิดขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นวิกฤติของโลกอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ความหวังเรื่องโรคประจำถิ่นเลือนลางและห่างไกลออกไปอีก คงจะต้องติดตามข่าวโดยเฉพาะเรื่องทางระบาดวิทยาของไวรัสสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) กันอย่างใกล้ชิดต่อไป เหนื่อยใจจริง !!