หวั่นอสังหาฯใหญ่ที่ 2 ในจีนเอเวอร์แกรนด์ล้มเป็นโดมิโน่

552
0
Share:

หวั่นอสังหาฯใหญ่ที่ 2 ในจีนเอเวอร์แกรนด์ล้มเป็นโดมิโน่ ทุบหุ้นร่วงหนักรอบ 11 ปี ฉุดตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ดำดิ่งกว่า 800 จุด
.
วันนี้ 20 กันยายน 2564 ราคาหุ้นบริษัท เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในจีนแผ่นดินใหญ่ และเผชิญวิกฤตบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สะสมสูงที่สุดในโลกกว่า 9 ล้านล้านบาท ร่วงลงอย่างหนักทั้งวันนี้ที่ตลาดหุ้นฮั่งเส็ง ฮ่องกง โดยมีระดับทรุดลงต่ำสุดที่ 2.06 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือเหลือเพียงหุ้นละ 10.30 บาทเมื่อช่วงก่อนเที่ยงวันนี้ ทำสถิติราคาหุ้นเอเวอร์แกรนด์ต่ำที่สุดนับจากเดือนพฤษภาคม 2553 หรือในรอบ 11 ปี ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่เอเวอร์แกรนด์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ลดลงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ลดลงกว่า 12% หุ้นบริษัทรถไฟฟ้าลดลง 8% และหุ้นบริษัทสตรีมภาพยนตร์ลดลง 14% ขณะที่ดัชนีหุ้นฮั่งเส็ง ตลาดหุ่นฮ่องกงปิดตลาดในวันนี้ 20 กันยายน 2564 ที่ระดับ 24,099 จุด ทรุดต่ำลง -821 จุด หรือ -3.30%
.
ด้านบริษัทเอเวอร์แกรนด์มีกำหนดต้องชำระดอกเบี้ยจากเงินกู้ให้กับนักลงทุนในจีนและนักลงทุนทั่วโลกในวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายนนี้ ด้วยมูลค่ารวม 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2,755 ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังต้องชำระดอกเบี้ยอีกงวดถัดไปมีมูลค่า 47.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,568 ล้านบาทในวันที่ 29 กันยายนนี้
.
นางเจนนี เจิง นักวิเคราะห์จากบริษัทอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การลงทุนในตลาดหุ้น เปิดเผยว่า บริษัทอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีนแผ่นดินใหญ่ จะต้องประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักนั้น และมีความเสี่ยงสูงมากที่จะล้มละลาย หลังจากบริษัท เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีนมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะการผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ และนักลงทุน นอกจากนี้ ยังได้เตือนว่าวิกฤตดังกล่าวอาจถึงผลกระทบแบบโดมิโนจากความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์อาจล้มละลาย
.
หากตรวจสอบหนี้สถานะหนี้สะสมของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ จะพบว่า มูลค่าหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 305,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 9 ล้ายล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนราว 2% ของจีดีพีของประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ นั่นหมายความว่า จะส่งผลต่อเศรษฐกิจการบริโภค และการลงทุนภายในจีนแผ่นดินใหญ่ให้เกิดการชะลอตัวลง