หั่นเป้าใหม่! เกียรตินาคินภัทร ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้าที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค

396
0
Share:
หั่นเป้าใหม่! เกียรตินาคินภัทร ชี้ เศรษฐกิจ ไทย ฟื้นตัวได้ช้าที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค

KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ออกรายงาน “เมื่อเศรษฐกิจโลกไม่สดใส ส่งออกไทยเสี่ยงหดตัวแรง” ชี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้นและเป็นช่วงที่ใกล้ถึงจุดวกกลับ (Turning Point) ของเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างมากทำให้การประเมินภาวะเศรษฐกิจทำได้ยากและมีความท้าทายมากขึ้น ในระยะที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเผชิญหน้ากับปัญหาเงินเฟ้อสูงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในรอบหลายสิบปี ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วและแรงส่งผลให้คนเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงและรวมทั้งสร้างความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน

โดย KKP Research ยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2023 มีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น แต่ยังขยายตัวได้จากแรงส่งของการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจากฐานที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปกติมาก ประกอบกับการกลับมาของอุปสงค์ที่อั้นอยู่ของนักท่องเที่ยวจีน (Pent-up demand) ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป การฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าที่คาดทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวจะกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้มากขึ้นกว่าที่ประเมินไว้จากเดิม 25.1 ล้านคน เป็น 29.8 ล้านคนในปี 2023 และคาดว่าในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 5 ล้านคน

อย่างไรก็ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์จากต่างประเทศจะส่งผลสำคัญต่อความสามารถในการส่งออกสินค้าของไทย ประกอบกับฐานที่สูงในปีก่อน ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวอย่างหนักของการส่งออก ทั้งของไทยและภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นแรงฉุดที่สำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ ทำให้ในภาพรวม KKP Research ปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจลงจาก 3.6% เหลือ 3.3% ซึ่งจะยังคงทำให้ เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้าที่สุดประเทศหนึ่งในภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังคงประเมินว่าการท่องเที่ยวจะเป็นแรงส่งหลักเกือบทั้งหมดของเศรษฐกิจไทยในปี 2023 โดยหากพิจารณาแรงส่งต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย จะพบว่าเฉพาะการเติบโตของรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นที่มาของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยไปแล้วประมาณ 4%

ด้านส่งออกคาดว่าไตรมาส 1 และ 2 ของไทยปีนี้มีโอกาสติดลบเกิน 10% ได้ โดยประเมินว่าปริมาณการส่งออกสินค้าในปีนี้จะติดลบ 3.1% จากที่เคยประเมินไว้ที่ 1.8% โดยคาดว่าสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมจะหดตัวในขณะที่ภาคเกษตรจะยังพอขยายตัวได้

แม้ว่าเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอตัวลงบ้างแล้ว แต่คาดว่าเงินเฟ้อยังมีโอกาสค้างอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าการปรับขึ้นค่าแรงเฉลี่ยของคนไทย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบที่กดดันการบริโภค ยิ่งไปกว่านั้น ซึ่ง KKP Research ยังคงประเมินว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับดอกเบี้ยขึ้นไปแตะระดับ 2.25% ในปีนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะชะลอการบริโภคในกลุ่มสินค้าคงทนโดยเฉพาะบ้านและรถยนต์

ขณะเดียวกัน คาดว่าดุลการค้าของไทยในปีนี้จะเกินดุลในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก และส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเพียง 0.3% ของ GDP เทียบกับช่วงก่อนโควิดที่ 5%-7% ของ GDP แม้คาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลับเข้ามา 30 ล้านคน หรือประมาณ 75% ของก่อนโควิดแล้วก็ตาม ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลน้อยกว่าที่ตลาดคาดจะส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมากขึ้นและกลับมากระทบกับการค้าระหว่างประเทศของไทยในปีนี้