หุ้นดาวโจนส์ทะยานเกือบ 480 จุด
เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 30,687 จุด +475 จุด หรือ +1.57% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,826 จุด +52 จุด หรือ +1.39% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,612 จุด +209 จุด หรือ +1.56% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติพุ่งขึ้นรายวันดีที่สุดในรอบ 2 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งฟื้นตัวจากสถิติดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 3 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 63 เป็นต้นมาซึ่งเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้
.
สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลที่มีต่อการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยในการซื้อขายหุ้นบริษัท เกมสต๊อบ ที่มีราคาผันผวนอย่างรุนแรง โดยในคืนที่ผ่านมา บริษัท เกมสต๊อบ (GameStop) ดิ่งหนักอีก 60% ส่งผลต่อราคาหุ้นดังกล่าวทรุดมากกว่า 70% ตั้งแต่วันศุกร์ในสัปดาห์ที่แล้วถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา หุ้นบริษัท AMC ซึ่งถูกไล่ซื้อจากนักลงทุนรายย่อยผ่านแอปโรบินฮู้ด ก็มีราคาดิ่งหนักถึง 41% รวมถึงราคาโลหะเงินซึ่งถูกปั่นราคาโดยนักลงทุนรายย่อย ขึ้นไปสูงสุดในรอบ 11 ปีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็ถูกเทขายหนักทั้งวัน โดยมีราคาร่วงแรงกว่า 10% ทำสถิติราคาโลหะเงินรายวันที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 เดือน นอกจากนี้ นักลงทุนหวนกลับเข้าเก็บหุ้นที่มีราคาตกต่ำอย่างรุนแรงในวันศุกร์ที่ผ่านไปอีกด้วย
.
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 54.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.21 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.26% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 57.57 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.20% ส่งผลราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุดในรอบ 12 เดือนผ่านมา สาเหตุจากการเปิดเผยของประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส พบว่าแต่ละประเทศสมาชิกได้ทำการปรับลดกำลังการผลิตตามที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น ซาอุดีอาระเบียลดกำลังการผลิตวันละ 1 ล้านบาร์เรลเริ่มกุมภาพันธ์ เป็นต้น
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,833.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -30.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.6% สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าสูงขึ้น ราคาโลหะเงินตกต่ำอย่างรุนแรงในคืนที่ผ่านมา หลังจากนักลงทุนรายย่อยที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมากทำการไล่ราคาโลหะเงินพุ่งสูงก่อนหน้านี้ เริ่มหมดแรงซื้ออย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน นักลงทุนติดตามความคาดคืบหน้าของแพคเกจเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีนายโจ ไบเดน
