หุ้นปิดสวนทาง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงเกือบ 50 จุด

280
0
Share:

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 31,338 จุด -46 จุด หรือ -0.15% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,899 จุด -3 จุด หรือ -0.08% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,635 จุด +13 จุด หรือ +0.12% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นนาสแดคทำสถิติปิดในแดนบวกถึง 5 วันติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปรับขึ้น +0.8%, +1.9% และ +4.6% ตามลำดับ

สาเหตุจากตัวเลขการจ้างงานแรงงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิถุนายน ซึ่งจะประกาศในคืนวันนี้ พบว่าพุ่งสูงมากถึง 372,000 ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 250,000 คน พร้อมอัตราว่างงานที่ออกมาจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ตามคาดหมาย ส่งผลให้แนวโน้มมีสูงขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไปเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยเฉพาะการปรับขึ้นถึง 0.75% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาขยายตัวร้อนแรง

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.0% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์รวม 2 วันทำการติดกันปรับเพิ่มมากขึ้นถึง 6.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 107.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.3% ทำให้รวม 2 วันทำการติดกันทำให้ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ทะยานขึ้น 6.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งถูกเทขายอย่างหนักมากถึง -10.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลนั้น ทำสถิติส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำมากที่สุดอันดับ 3 นับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายครั้งแรกเมื่อปี 1988 หรือในรอบ 34 ปี ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่ทำสถิติดำดิ่งมากที่สุดในรอบ 1 วัน คือ -16.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ และเบร็นท์ ร่วงลง -3.4% และ -4.1% ตามลำดับ

สาเหตุนักลงทุนกลับมากังวลอย่างมากกับภาวะตลาดน้ำมันดิบตึงตัวมากกว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย ซึ่งอาจจะกำลังเกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นแล้ว ความกังวลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากศาลในรัสเซียมีคำตัดสินให้ แคสเปียน ไพป์ไลน์ คอมซอร์เตียม หรือ CPC ระงับการปฏิบัติการส่งออกน้ำมันดิบใน 30 วันจากนี้ไป ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบราว 1% ของตลาดโลกหดหายไปจากตลาด นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาอาจประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่าน

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +1.00 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.02% ยังคงมีราคาปิดใกล้เคียงสถิติราคาทองคำต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำร่วงลง -3.29% ทำสถิติราคาทองคำรายสัปดาห์ที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์

ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังคงปรับแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 20 ปี สอดรับกับแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในสหรัฐอเมริกาจะเร่งตัวมากขึ้นต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเปิดเผยบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในคืนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาทองคำตลาดโลกในทางเทคนิคหลุดระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ต่อเนื่องถึง 3 วันทำการติดต่อกัน