หุ้นสหรัฐคึก! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งสูงเกือบ 290 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเฉียด 75 ดอลลาร์

149
0
Share:
หุ้นสหรัฐคึก! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ พุ่งสูงเกือบ 290 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเฉียด 75 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,407 จุด +285 จุด หรือ +0.84% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,450 จุด +53 จุด หรือ +1.23% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,787 จุด +196 จุด หรือ +1.45% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +2

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในคืนผ่านมาครบครึ่งปี และจบไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่งมีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

สำหรับเดือนมิถุนายน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์: พุ่ง +4.6% ใกล้ทำสถิติเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2022

ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500: ทะยาน +6.5% ทำสถิติปิดรายเดือนดีที่สุดในรอบ 8 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคม 2022 ทำสถิติดัชนีหุ้นรายไตรมาสเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 5 เดือน หรือตั้งแต่มกราคม 2023 และใกล้ทำสถิติดัชนีหุ้นปิดแดนบวกเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ดัชนีหุ้นนาสแดค: ทะยาน +6.6% ทำสถิติดัชนีหุ้นปิดแดนบวกเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

สำหรับไตรมาสที่ 2
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์: ปิดขึ้น +3.4% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายไตรมาสที่ปิดในแดนบวกเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน

ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500: ทะยาน +8.3% ทำสถิติรายไตรมาสที่ปิดในแดนบวกเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน และทำสถิติรายไตรมาสมากที่สุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน หรือตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2021

ดัชนีหุ้นนาสแดค: ทะยาน +12.8% เป็นดัชนีหุ้นรายไตรมาสปิดแดนบวกเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน

สำหรับตั้งแต่ต้นปีนี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์: พุ่ง +3.8% เพิ่มขึ้นเพียงระดับปานกลาง

ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500: พุ่งทะยาน +15.9% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดในรอบ 4 ปี หรือตั้งแต่ปี 2019

ดัชนีหุ้นนาสแดค: พุ่งกระฉูดเกือบ +31.7% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดในรอบ 40 ปี หรือตั้งแต่ปี 1983

สาเหตุจากนักลงทุนยังคงเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ออกมาดีตามคาด โดยเฉพาะเป็นหุ้นในกลุ่มที่มีราคาถูกจากในช่วงปลายสัปดาห์ผ่านมา ซึ่งดัชนีหุ้นปรับฐานลงต่อเนื่องแทบทุกวัน รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ

นอกจากนี้ ตัวเลขรายจ่ายชาวอเมริกันส่วนบุคคลระดับพื้นฐานเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญมากในการประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อนั้น ปรากฏว่าลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้ อาจลดแรงกดดันต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นในกลางเดือนนี้ สอดคล้องกับ มหาวิทยาลัยมิชิแกน เปิดเผยว่า ผลสำรวจมุมมองเงินเฟ้อปีนี้ลดลงจากเดิมที่ 4.2% เหลือ 3.3% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 ปี 2 เดือน หรือนับตั้งแต่มีนาคม 2021 เป็นต้นมา

ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 82% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 67% ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ที่สำคัญ โอกาสลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1% รวม 3 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น +2.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.3% ส่งผลให้ในไตรมาส 2 นี้ ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ร่วงลงมากถึง -6.5% และเป็นราคาน้ำมันดิบรายไตรมาสปิดลดลง 2 ไตรมาสต่อเนื่อง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 74.90 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.8% รวม 3 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น +2.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.7% ส่งผลให้ในไตรมาส 2 นี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ร่วงลงมากถึง -6.0% และเป็นราคาน้ำมันดิบรายไตรมาสปิดลดลง 2 ไตรมาสต่อเนื่อง

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากสำนักงานจัดการข้อมูลพลังงานแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์จนถึงวันที่ 23 มิถุนายน พบว่าลดลงมากถึง 9.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ยังทำสถิติมากกว่าค่าเฉลี่ยลดต่ำลงในช่วงระยะเวลา 5 ปีติดต่อกันหรือระหว่างปี 2018-2022 ด้วย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับมากังวลครั้งใหม่กับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสำคัญของโลกหลังจากคืนผ่านมา นายเจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่าไม่ปฏิเสธการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นติดต่อกันในช่วงที่เหลือครึ่งปีหลังนี้

นอกจากนี้ ประธานธนาคารกลางกลุ่มยูโร หรืออีซีบี กล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อที่ยังควบคุมได้ยากนั้น ทำให้ธนาคารกลางต้องหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงจุดสิ้นสุดของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

ตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,917.94 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +9.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.5% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,929.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +11.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.6%

ส่งผลราคาทองคำตลาดโลกในไตรมาสที่ 2 ลดลง -2.5% ก่อนหน้านี้มีราคาปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในคืนผ่านมา ได้แก่ ตัวเลขรายจ่ายชาวอเมริกันส่วนบุคคลระดับพื้นฐานเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญมากในการประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อนั้น ปรากฏว่าลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้ อาจลดแรงกดดันต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นในกลางเดือนนี้

นักลงทุนยังคงกังวลกับการยืนยันแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ยังต้องปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงประธานธนาคารกลางกลุ่มยูโรที่กล่าวว่า เงินเฟ้อในกลุ่มยูโรยังควบคุมได้ยาก จึงเลี่ยงที่จะพูดถึงรอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าสูงขึ้น 0.4% สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี เพิ่มสูงขึ้นรับทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจัยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสำคัญของโลกยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเนื่องของตลาดทองคำ

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริการาว 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 82% มากกว่าเมื่อวานนี้ที่ระดับ 67%