อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยโควิดในไทยเลยจุดสูงสุดแล้ว โควิด-19 กำลังกลายเป็นโรคประจำท้องถิ่นของไทย

379
0
Share:

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8 / 2564 ว่า จากการสรุปสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในรอบ 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมาพบว่า แนวโน้มการระบาดยังพบผู้ป่วยติดเชื้อสูงแต่คงตัว และเริ่มมีแนวโน้มผู้ป่วยลดน้อยลง จากอัตราพบผู้ป่วยสูงสุด 23,000 คน วันนี้ (23 ส.ค.) เหลือ 17,000 คน ทั้งนี้เป็นจากมาตรการต่างที่ได้ดำเนินการล็อกดาวน์พื้นที่สีแดง สีแดงเข้ม การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกด้วย ATK การทำโฮม ไอโซเลชัน การฉีดวัคซีนในผู้ป่วยเสี่ยงสูง ตอนนี้ฉีดวัคซีนไป 5-6 แสนโดสต่อวัน รวมฉีดวัคซีนไป 27 ล้านโดส คนที่รับวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม ร้อยละ 28 ทั้งนี้มติต่างๆ ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ จะถูกนำไปเสนอ ศปก.ศบค.ต่อไป

นายแพทย์โอภาส กล่าวว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่อง การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ภายใต้ มาตรการควบคุมโรคแนวใหม่ เตรียมเข้าสู่ระยะเปลี่ยนผ่าน จากการระบาดของโควิดอยู่ในภาวะวิกฤติที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องควบคุมไม่ให้เกิดการระบาดเกินศักยภาพของระบบสาธารณสุข แต่ต่อจากนี้ โควิดกำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ในหลายประเทศเริ่มออกมาตรการแล้ว เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างปกติ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ 1.การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มเสี่ยงสูงอายุ และการพัฒนาหาวัคซีนให้ครบวงจร 2.การป้องกันโรคแบบครบวงจร Universal Prevention ป้องกันตนเองสูงสุดในทุกโอกาส คิดเสมอทุกคนมีความเสี่ยงติดเชื้อแพร่เชื้อ สอดคล้องกับมาตรการ DMHTT 3.การทำงานเชิงรุก CCRT มีทีมบูรณาการร่วมกันระหว่าง สาธารณสุข และท้องถิ่น เยี่ยมบ้านลงพื้นที่ มีการฉีดวัคซีน การตรวจคัดกรอง ATK และ 4.ให้มีผู้แทนของสมัชชาสุขภาพจังหวัดร่วมประชุมในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อให้มีตัวแทนประชาชนในพื้นที่ร่วมรับรู้และร่วมดำเนินมาตรการควบคุมโรคภายในจังหวัด

ทั้งนี้ นายแพทย์โอภาส กล่าวว่าการล็อกดาวน์จะสิ้นสุด 31 ส.ค. หลังจากนี้ไป ตั้งแต่กันยายนถึงปีหน้า หากจะมีการเปิดคลายล็อกใช้ชีวิตปกติ จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ตามแผน มีการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดด้วย ATK และต้องเคร่งครัดเรื่องการควบคุมตนเอง DMHTT และต้องมีการทำ บับเบิลแอนด์ซีล ควบคู่ในโรงงาน ตลาด แคมป์คนงาน ต้องร่วมมือกัน จึงจะทำให้เปิดหรือผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย เพราะสถานการณ์โควิดขณะนี้ จากการประมวลการติดเชื้อ อัตราป่วย อัตราการตรวจค้นหา ผู้ที่มีอาการหนัก ผู้ที่เสียชีวิต คาดว่าสถานการณ์โควิดน่าจะถึงจุดพีคแล้ว แต่ต้องรอดูสถานการณ์ไปอีก 3-4 วัน เพราะโควิดมีจุดเปลี่ยนหลายปัจจัย เช่น การระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้สถานการณ์ทุกมุมโลกเปลี่ยน