‘อนันดา’ เร่งหาทางออกแก้ปัญหาปม ‘แอชตันอโศก’ เดินหน้าหาที่ดิน ยื่นขอ EIA ใหม่

279
0
Share:
‘อนันดา’ เร่งหาทางออกแก้ปัญหาปม ‘แอชตันอโศก’ เดินหน้าหาที่ดิน ยื่นขอ EIA ใหม่

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้(23 ส.ค.) ครบกำหนด 14 วันทำการที่ได้ขอเวลาเข้าของร่วมเพื่อหาทางออกแก้ปัญหาโครงการแอชชัน อโศก หลังจากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 โดยบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งความคืบหน้าแนวทางการแก้ไขปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำหรับเจ้าของร่วม

สำหรับความคืบหน้า 5 แนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ

1. การยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยการซื้อหรือหาที่ดินเพิ่มเติม บริษัทได้หารือแนวทางการแก้ไขร่วมกับสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อดำเนินการให้เข้าหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 ซึ่งระบุว่าที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งอาคารขนาดใหญ่พิเศษจะต้องมีด้านใดด้านหนึ่งยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะ ปัจจุบันบริษัทมีแนวทางในการจัดหาที่ดิน โดยได้พิจารณาทั้งการซื้อ หรือหาที่ดิน และการได้รับสิทธิตามกฎหมายในที่ดิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการหาที่ดินใหม่โดยเร็วที่สุด
ภายหลังการหารือ บริษัทได้ประเมินขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งรวมถึงระยะเวลาแก้ไขหรือขอใบรับแจ้งก่อสร้างอาคารใหม่ โดยจะเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปยังสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่อพิจารณา และอาจต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เมื่อได้EIA แล้วจะยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคารตามมาตรา 39 ทวิ ซึ่งสำนักการโยธากทม.จะใช้เวลาพิจารณาออกใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารตามมาตรา 39 ทวิ ประมาณ 14 วันทำการ
เมื่อได้รับใบรับแจ้งการก่อสร้างอาคารจะดำเนินการก่อสร้างเพื่อแก้ไขทางเข้าออกโครงการใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามEIA คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 เดือน และเมื่อบริษัทดำเนินการก่อสร้างข้างต้นเรียบร้อย สำนักการโยธากทม. จะเข้าตรวจสอบการก่อสร้างของโครงการ และออกใบรับรองการก่อสร้าง (อ.5) ซึ่งจะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 14 วันทำการ โดยประมาณการระยะเวลาในการดำเนินงานทั้งหมดประมาณ 6 เดือน นับจากวันที่หาที่ดินใหม่เรียบร้อย

2. การยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้พิจารณาพิพากษาคดีใหม่ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 75 ที่กำหนดเหตุในการขอพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ คือ 1. ศาลปกครองฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด หรือมีพยานหลักฐานใหม่อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ 2. คู่กรณีที่แท้จริงหรือบุคคลภายนอกนั้นมิได้เข้ามาในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหรือได้เข้ามาแล้วแต่ถูกตัดโอกาสโดยไม่เป็นธรรมในการมีส่วนร่วมในการดำเนินกระบวนพิจารณา3. มีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม 4. คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ทำขึ้นโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใด และต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญซึ่งทำให้ผลแห่งคำพิพากษาหรือคำสั่งขัดกับกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
โดยขณะนี้บริษัทกำลังพิจารณาเหตุในการยื่นคำร้องเพื่อพิจารณาคดีใหม่ข้างต้น ซึ่งมีอยู่หลายกรณี เช่น กรณีมีความคลาดเคลื่อนในการแสวงหาข้อเท็จจริง การรับฟังพยานหลักฐานในกระบวนพิจารณาของศาล และ กรณีที่ในอนาคตกฎหมายที่ใช้ในการพิจารณาพิพากษามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น สำหรับแนวทางนี้ ต้องดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบเหตุดังกล่าว แต่ต้องไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ซึ่งบริษัทคาดว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาวันที่ 27 กรกฎาคม 2566

3. ประสานเจ้าของเดิมให้ขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการประสานเจ้าของที่ดินเดิม เพื่อขอคืนที่ดินที่รฟม.ไม่ได้ใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืน โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดินพ.ศ. 2562 มาตรา 53 และกฎกระทรวงการขอคืนที่ดินที่ถูกเวนคืน พ.ศ. 2564

4. เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านรฟม.เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อเสนอเรื่องให้รัฐสภาอนุมัติ โดยบริษัทจะเสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการเวนคืน เพื่อขยายขอบเขตให้หน่วยงานภาครัฐใช้ที่ดินที่เวนคืนภายใต้วัตถุประสงค์ และสามารถใช้ที่ดินเพื่อประโยชน์อื่นอย่างเหมาะสมด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องเสนอแก้ไขโดยรฟม.ผ่านกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เพื่อเสนอเรื่องให้รัฐสภาอนุมัติ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 ปี นับจากวันที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องข้างต้นยกร่างเสนอแก้ไขกฎหมาย

5. เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผ่านสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ไปยังคณะรัฐมนตรี โดยบริษัทจะเสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎกระทรวง ฉบับที่ 33 เพื่อแก้ไขให้เกิดความชัดเจนให้ที่ดินที่ไม่มีด้านใดด้านหนึ่งติดถนนสาธารณะ แต่มีที่ดินอื่นที่สามารถใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกของรถดับเพลิงได้ ไม่น้อยกว่า 12 เมตร ให้สามารถใช้ที่ดินนั้นเป็นที่ตั้งของอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษได้ โดยต้องเสนอแก้ไขโดยสำนักการโยธากรุงเทพมหานคร ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อเสนอกระทรวงมหาดไทย ไปยังคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะใช้วลาดำเนินการประมาณ 3 เดือน นับจากวันที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องข้างต้นยกร่างเสนอแก้ไขกฎหมาย

ส่วนแนวทางช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระสินเชื่อของท่านเจ้าของร่วมที่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน บริษัทได้ประสานงานกับสถาบันการเงินหลักหลายแห่งเป็นที่เรียบร้อย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการผ่อนชำระสินเชื่อของเจ้าของร่วมที่ยังมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินโดยสามารถยื่นขออัตราดอกเบี้ยพิเศษไปยังสาขาของสถาบันการเงินที่ขอสินเชื่อ ทั้งนี้ ผลการพิจารณาจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง

“บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมเคียงข้างเจ้าของร่วมทุกท่าน เพื่อเร่งดำเนินการแสวงหาทางออกอย่างสุดความสามารถ ซึ่งในบางแนวทางจะสำเร็จตามที่คาดหวังได้ จะต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างเจ้าของร่วมและบริษัทควบคู่กันไป ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา และหากได้รับความร่วมมือร่วมใจกันจากท่านเจ้าของร่วมทุกท่าน บริษัทมั่นใจว่าการแก้ไขตามแนวทางข้างต้น จะทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด และจะแจ้งความคืบหน้าอันเป็นสาระสำคัญให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง” นายชานนท์กล่าว

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)