‘อนุทิน ชาญวีรกูล’วอนอย่านำเรื่องวัคซีนโควิดเข้าการเมือง

616
0
Share:

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วง ไม่อยากให้นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนนั้นว่า นายกรัฐมนตรีน่าจะเป็นห่วงประชาชนมากกว่า จึงไม่อยากให้เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งตนและทีมงานของกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ยืนยันไม่เคยมองเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องการเมือง หากได้วัคซีนมาโดยเร็ว ก็เป็นประโยชน์กับทุกคน
.
ขอย้ำว่า ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือกลุ่มใด ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน กฏหมาย และหลักวิชาการ รวมถึงแพทย์ให้การรับรอง
.
ไทยโชคดีที่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี ทำให้สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเลือกความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ดังนั้นวัคซีนที่จะนำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะต้องมีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลและผลการทดลองวัคซีนออกมาจำนวนมาก และปรากฏอย่างชัดเจนว่า วัคซีนที่ไทยเลือกใช้ คือของบริษัทแอสตร้า เซนเนก้า น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ ภูมิประเทศ และคนไทยมากที่สุด ดังนั้นเมื่อมีวัคซีนที่สั่งจองแล้ว อีกทั้งต่อไปไทยยังสามารถผลิตในประเทศได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกตัดออเดอร์ หรือการถูกแย่งชิงออร์เดอร์ไปก่อน
.
ส่วนที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอให้เริ่มฉีดวัคซีนในวันที่ 14 ก.พ.นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะเป็นผู้ฉีดวัคซีนคนแรก อย่างไรก็ดีเมื่อวัคซีนมาถึงไทยจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อน เพื่อให้มีความมั่นใจว่ามีความปลอดภัยหากฉีดให้กับประชาชน
.
สำหรับกลุ่มนักแสดงที่จัดปาร์ตี้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 จะต้องมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้น ทางกฏหมายไม่ได้กำหนดไว้ เพียงแต่มีข้อห้ามไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้านและดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา 21.00 น. ส่วนเรื่องการรวมกลุ่มสังสรรค์ ได้ขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยง ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความร่วมมือ ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่ทำเช่นนั้นสังคมก็จะลงโทษ ไม่เคยว่างเว้นให้อยู่แล้ว โดยย้ำว่าทุกคนควรอยู่ด้วยจิตสำนึก เพราะหากใช้กฎหมายควบคุมทั้งหมดก็อาจจะต้องล็อกดาวน์ ซึ่งก็จะทำให้ทุกอย่างแย่
.
ส่วนขอขยายเวลาเปิดร้านจากเวลา 21.00 น. เป็น 23.00 น.นั้น พร้อมที่จะพิจารณา แต่ต้องนำข้อเสนอมาดูก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยต้องสอดคล้องกับสถานการณ์และมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่าหากเป็นไปได้อาจเสนอให้เปิดถึง 24.00 น. โดยต้องรอเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ซึ่งจะมีการประชุมกันในวันที่ 29 ม.ค.นี้ รวมถึงการพิจารณาลดพื้นที่เสี่ยงด้วย